แม้ว่าธุรกิจร้านอาหารจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทางด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับผลกระทบที่ได้รับแล้วถือว่ายังน้อยมากเมื่อเทียบกับหลายธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยมีหลากหลายรูปแบบเริ่มจากร้านหรูขึ้นเหลาไปจนถึงร้านอาหารข้างทาง จึงทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกค่อนข้างมาก หากช่วงไหนกำลังซื้อไม่ดีก็อาจจะมีการลดงบหันมาบริโภคอาหารที่มีราคาถูกลงแทนการบริโภคอาหารราคาแพง
จากแนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าธุรกิจร้านอาหารประเภทสตรีทฟู้ด (Street Food) ขยับสัดส่วนขึ้นมาเกินครึ่งของมูลค่าธุรกิจร้านอาหารโดยรวม เห็นได้จากข้อมูลการศึกษาธุรกิจร้านอาหารประเภทสตรีทฟู้ดของ “Euromonitor International” บริษัทวิจัยระดับโลกที่ออกมาเปิดเผยมูลค่าตลาดสตรีทฟู้ดในไทยในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมาว่ามีมูลค่าสูงกว่า 276,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60-70% ของตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยที่มีมูลค่าอยู่ที่กว่า 410,000 ล้านบาท
ความมิยมอาหารประเภทสตรีทฟู้ดที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ Euromonitor International ออกมาคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสตรีทฟู้ดในไทยในปี 2564 น่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 340,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ซึ่งจากการขยายตัวที่ดีดังกล่าวทำให้บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มองเห็นโอกาส ด้วยการเปิดตัวร้านอาหารตามสั่งประเภทสตรีทฟู้ดภายใต้ชื่อ “เขียง” เข้ามาทำตลาดเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้บริโภค
นายศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจใหม่ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN กล่าวว่าการเกิดขึ้นของแบรนด์“เขียง”คือ การที่คนไทยนิยมรับประทานอาหารตามสั่ง เพราะเป็นอาหารที่รับประทานง่ายและราคาไม่แพง ซึ่งกลยุทธ์การทำตลาดของแบรนด์“เขียง”ในเบื้องต้น คือการนำเสนอเมนูอาหารตามสั่งประมาณ 15 เมนู เข้ามาทำตลาดซึ่งแต่ละเมนูจะมีStoryทุกจาน
สำหรับพื้นที่ขายของร้าน“เขียง”ในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนั้นจะใช้พื้นที่ประมาณ 50 ตารางเมตร ภายในร้านจะใช้พนักงานประมาณ 7 คน ปัจจุบันได้เริ่มทดลองเปิดให้บริการร้านเขียงไปแล้วจำนวน 2 สาขา คือ ปั๊มน้ำมันปตท.เจษฎาบดินทร์ และปั้มน้ำมันปตท.เกษตรนวมินทร์ ซึ่งนอกจากจะยึดทำเลปั้มน้ำมันเป็นยุทธศาสตร์หลักในการขยายสาขาของร้าน “เขียง”แล้ว บริษัทเซนคอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปยังมองโอกาสทำเลคอมมูนิตี้มอลล์ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอนโดมิเนียมและตึกแถว เพื่อใช้ในการขยายสาขาร้าน“เขียง"ควบคู่ไปกับปั้มน้ำมันอีกด้วย
นอกจากจะเดินหน้าขยายสาขาด้วยตัวเองแล้ว บริษัทเซ็นคอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ยังมีแผนที่จะเปิดขายแฟรนไชส์ร้าน “เขียง”ในอนาคตอันใกล้อีกด้วย เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ อาหารรับประทานง่าย ใช้พื้นที่ขยายสาขาไม่มาก และใช้งบลงทุนน้อยเฉลี่ยอยู่ที่สาขาละประมาณ 3 ล้านบาทเท่านั้น
ในส่วนของแผนการทำตลาดร้าน“เขียง”นั้นจะเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่าน Social Media Online และ Offline Media เน้นการทำตลาดด้วยรสชาติ เพื่อความประทับใจและเน้นการบอกต่อ(Talker)ซึ่งปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจ Social Media เป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ให้ความเชื่อถือบุคคลใกล้ชิด ดังนั้นการใช้กลยุทธ์แบบการบอกต่อ(Talker)จึงน่าจะเหมาะสมกับร้าน“เขียง”
นอกจากนี้บริษัท เซ็นคอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปยังจะมีแผนที่จะให้ร้าน“เขียง”เปิดบริการ Delivery พร้อม Call Center เพื่อขยายฐานลูกค้าและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าสามารถสั่งและส่งอาหารได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังถือเป็นการยกระดับธุรกิจร้านอาหารตามสั่งให้กับกลุ่มนักชิมและนักทานที่ชื่นชอบความสะอาด รสชาติเสถียร ได้เข้ามา
ทดลองรับประทานอาหารของร้าน “เขียง” ให้มากขึ้น
ส่วนราคาอาหารของร้าน“เขียง”นั้น ทางบริษัทเซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ได้เซ็ตราคาอาหารเริ่มต้นไว้ที่ประมาณ 50 -150 บาท ซึ่งนอกจากจะมีเมนูประจำ 15 เมนูที่เตรียมไว้บริการให้กับลูกค้าแล้ว ในอนาคตยังมีแผนที่จะพัฒนาเมนูอาหารใหม่ๆออกมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าอีกด้วย
นายศิรุวัฒน์ กล่าวต่อว่าแนวโน้มทิศทางตลาดอาหาร ยกตัวอย่าง ตลาดอาหารสตรีทฟู้ดมีการเติบโตไวมากถึง 300,000 ล้านบาท ซึ่ง“เขียง”เลือกเมนูที่ถูกดีไซน์และพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนทุกระดับ ทุกเซกเมนท์ เชฟมีประสบการณ์ สูตรอาหารที่แม่นยำ พร้อมเสิรฟ์ภายใน 5 นาที ซึ่งหลังจากออกมาทำการตลาดร้าน “เขียง” มากขึ้น บริษัทมั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ปัจจัยที่ทำให้บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป มั่นใจว่าร้าน“เขียง”จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เพราะร้าน“เขียง”มีจุดเด่นด้วยกัน 7 ข้อดังนี้ 1.ความน่าสนใจเน้น รสชาติ จัดจ้าน ถึงเครื่อง ถึงใจ ผู้บริโภค 2.สุขอนามัยของวัตถุดิบที่มีคุณภาพ 3. ความเร็วของการทำเวลา 4. ความน่าเชื่อถือในแบรนด์คุณภาพ 5. สูตรอาหารที่มีความแตกต่าง 6. ราคาที่สมเหตุผลกับรสชาติและความพึงพอใจ และ 7การมีโลเคชั่นที่ดี
ด้านนายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)กล่าวว่ากลยุทธ์การเติบโตของบริษัทจะพยายามรุกเข้าไปทุกกลุ่มเป้าหมาย นอกจากสร้างแบรนด์เองแล้วยังเน้นซื้อธุรกิจอาหารเพื่อให้มีการเติบโตเร็วขึ้น โดยเฉพาะการรุกเข้าไปในกลุ่มร้านอาหารสตรีตฟู้ดที่มีมูลค่าตลาดค่อนข้างสูง โดยในปีหน้าจะเริ่มเห็นร้านอาหารในกลุ่มเซ็น ขยายไปตามห้องแถวมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายให้เป็นครัวของหมู่บ้านจากเดิมที่เน้นร้านอาหารแบบฟูลเซอร์วิสตามห้าง รวมไปถึงจะรุกเข้าไปในตลาดเดลิเวอร์รี่มากขึ้นด้วย
นอกจากแบรนด์“เขียง”ซึ่งเป็นร้านอาหารน้องใหม่ที่จะนำเข้ามาทำตลาดในปีนี้แล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น ยังได้มีการเปิดตัวร้าน“ก๋วยเตี๋ยว”เข้ามาทำตลาด ด้วยการเปิดสาขาแรกที่ปั้มน้ำมันปตท.เจษฏาบดินทร์ ภายใต้แนวคิด“ถูก เร็ว ดี ทานง่าย”โดยในส่วนของแบรนด์นี้ใช้งบลงทุนไปประมาณ 2 ล้านบาท
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าว บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น มั่นใจว่าปี2565จะมีรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ประมาณ 10,000 ล้านบาทและมีร้านอาหารในเครือขยายสาขาครบ 1,000 สาขา ได้อย่างแน่นอน โดยในปีแต่ละจะมีรายได้เติบโตต่อเนื่องติดต่อกันเฉลี่ยที่ประมาณ 15-20% เช่นเดียวกับปี 2562นี้ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15-20% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,964 ล้านบาท เนื่องจากปี 2562 นี้มีแผนที่จะขยายสาขาร้านอาหารในเครือเพิ่มอีก123 สาขา จากปัจจุบันมีประมาณ 255 สาขา
ข่าวเด่น