ซิตี้แบงก์หั่น GDP ปีนี้เหลือ 3.3% ส่วนส่งออกคาดโต 2.1% ขณะที่เงินบาทคาดสิ้นปี62 ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 31-32 บาทต่อดอลลาร์ แนะรัฐเร่งผลักดันโครงการลงทุนลดการแข็งค่าของเงินบาท หนุนเศรษฐกิจเติบโต
น.ส.นลิน ฉัตรโชติธรรม นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่าธนาคารฯได้ปรับลดประมาณการเติบโตมาอยู่ที่ 3.3%จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 3.8% โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจส่วนหนึ่ง มาจากการชะลอการลงทุนภาคไตรมาสที่ 1 โดยคาดว่าปี 2563 มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 3.7% ในครึ่งปีหลัง 2562 คาดการณ์ว่าการส่งออกและการท่องเที่ยว ยังมีโอกาสขยายตัวในระดับที่ดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัว เนื่องจากไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนที่เกิดขึ้น ประกอบกับรอดูความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว แต่ต้องติดตามว่าหลังจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้วจะมีการผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ ออกอย่างไร ซึ่งธนาคารมองว่ารัฐบาลจะเร่งผลักดันการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่นEEC
ขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอยู่ในระดับที่แข็งค่าไปจนถึงช่วงต้นปี 2563 โดยคาดว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบ 31– 32 บาทต่อดอลลาร์ และยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าระดับค่าเงินบาทปัจจุบันที่แข็งค่าในระดับ 30.60 - 30.70 ที่ได้รับอานิสงส์ส่วนหนึ่งมาจากเงินทุนไหลเข้าระยะสั้นจะคงอยู่ได้นานหรือไม่ ทั้งนี้เพราะรายได้จากต่างประเทศจากการส่งออก และการท่องเที่ยวยังไม่ได้ดีขึ้นชัดเจน โดยแนวทางที่จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น ภาครัฐควรเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณผ่านการผลักดันการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เพื่อทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลง แม้ว่าอาจจะมีการเลื่อนการใช้งบประมาณปี 63 ออกไป แต่ยังมีงบประมาณของปีก่อน (2562) ที่ยังใช้ไม่หมดอยู่อีกราว 3 แสนล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้รองรับการเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐได้ โดยคาดว่าการส่งออกไทยในปีนี้จะขยายตัวได้น้อยกว่า 3% ส่วนปีหน้าขยายตัวได้ 4.9%
ส่วนเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวเล็กน้อยโดยขยายตัวที่ 2.9% จาก 3.2% ในปี 61 โดยคาดการณ์อัตราเติบโตของผลกำไรทั่วโลกสิ้นปี 62 ที่ 4.0 % ต่ำกว่าระดับประมาณการในครั้งก่อนเล็กน้อย ด้วยปัจจัยสถานการณ์การคลังของบางภูมิภาค ความไม่แน่นอนด้านภูมิศาสตร์การเมือง รวมถึงปัจจัยสำคัญอย่างความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แต่จะมีสัญญาณบวกและไต่ระดับขึ้นที่ 11.0% ในปี 63
นายบุญนิเศรษฐ์ ธัญวรอนันต์ ที่ปรึกษาทางการลงทุน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่าคาดการณ์อัตราเติบโตของผลกำไรต่อหุ้นทั่วโลกในปี 2562 จะอยู่ที่ 4.0% ต่ำกว่าระดับประมาณการเดิมเล็กน้อย สำหรับการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ แนะนำให้กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์หลากหลายชนิด โดยเพิ่มการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูง เช่น กลุ่มตราสารหนี้เอกชนสหรัฐฯ ที่จัดอยู่ในระดับน่าลงทุน (US Investment Grade) นอกจากนี้ควรพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมแบบผสม (Multi-Asset Fund) และกองทุนรวมทางเลือก (Alternative Mutual Fund) เพื่อกระจายความเสี่ยงในช่วงที่มีภาวะความผันผวนที่สูงขึ้นในปีนี้
ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงที่ยังเติบโตแต่โตน้อยลงเช่นนี้ นักวิเคราะห์ของซิตี้จึงมีมุมมองเป็นบวกต่อ 4 กลุ่มหุ้นวัฐจักร ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ กลุ่มวัสดุการผลิต กลุ่มพลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยี ที่ได้แรงหนุนจากการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ หรือคอมโมดิตี้ ยังทำผลงานได้เป็นที่น่าจับตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้ำมัน และน้ำมันดิบที่มีอุปสงค์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์แตะ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบารร์เรล และมีแนวโน้มทะลุ 78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนทองคำยังเป็นที่ต้องการของตลาด และมีกรอบมูลค่าราว 1,300 – 1,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี
ทั้งนี้การลงทุนปี 2562 ยังคงมีความท้าทายสูง โดยนักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ จีน ยุโรปและญี่ปุ่น ความไม่แน่นอนระหว่างสหรัฐ ตะวันออกกลางและเกาหลีเหนือ ข้อตกลงเบร็กซิท การเลือกตั้งในภูมิภาค และนโยบายงบการคลังของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้อัตราการลงทุนทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม ที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวน้อยที่สุดในรอบปี
นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารฯเตรียมพัฒนาบริการดิจิทัลแบงก์กิ้ง เพื่อประสบการณ์การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า อาทิ ออนไลน์ฟีเจอร์ ให้ลูกค้าสามารถยืนยันการทำธุรกรรมการลงทุน ผ่านซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน รวมถึงสิทธิประโยชน์ อย่าง ซิตี้ โกลบอล วอลเลท ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกรวดเร็ว คุ้มค่า และเพิ่มความปลอดภัยให้กับการทำธุรกรรมการเงินต่างประเทศ โดยลูกค้าสามารถเปิดบัญชีเงินตราต่างประเทศได้ 8 สกุลเงินได้ทันทีผ่านฟีเจอร์บนแอปพลิเคชั่นของทางธนาคาร แลกเปลี่ยนเงินระหว่างบัญชีแบบเรียลไทม์ ในเรทแลกเปลี่ยนสุดคุ้ม สามารถโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารซิตี้แบงก์ทั่วโลก โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม สามารถใช้เงินในสกุลที่เปิดไว้โดยไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม เมื่อทำการใช้จ่ายผ่านบัตรซิตี้โกลด์ เดบิต มาสเตอร์การ์ด ในต่างประเทศ โดยระบบจะจับคู่สกุลเงิน ณ ประเทศนั้นๆ แล้วตัดยอดใช้จ่ายจากบัญชีออมทรัพย์สกุลเงินดังกล่าวที่ลูกค้าแลกเปลี่ยนเงินไว้โดยอัตโนมัติ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
ข่าวเด่น