เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
"วีรศักดิ์"สั่งกรมเจรจาฯ ลุยใช้ FTA เปิดทางสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่นบุกตลาดโลก


‘รมช.พาณิชย์’ปลื้มหลังสินค้านมและผลิตภัณฑ์ของไทยเริ่มใช้ประโยชน์จาก FTA สั่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าใช้ FTA กรุยทางสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่นของไทยบุกตลาดต่างประเทศ ยึดโมเดลสินค้านมและผลิตภัณฑ์เป็นแนวทาง เล็งร่วมลุยลงพื้นที่พบเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นทั่วประเทศ


 
 
 
 
 
 
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเดินทางเข้าเยี่ยมและมอบนโยบายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศว่าได้กำชับให้ช่วยผลักดันสินค้าเกษตรและสินค้าท้องถิ่นไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ โดยให้ใช้แนวทางของการใช้ความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอช่วยสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี จึงมอบให้กรมเจรจาฯเร่งดำเนินการให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของเอฟทีเอแก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการในท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นให้ผลิตสินค้าที่หลากหลาย ใช้นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มและลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าอย่างยั่งยืน ซึ่งตนจะหาโอกาสร่วมลงพื้นที่พบปะพูดคุยรับฟังปัญหาจากเกษตรกรและผู้ประกอบการในท้องถิ่นร่วมกับกรมฯอย่างใกล้ชิด

 
 
 
 
 
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เสริมว่ากรมฯพร้อมรับนโยบายโดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่กรมฯได้ลงนามความร่วมมือแล้ว เช่น สภาเกษตรกรแห่งชาติ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นต้น เพื่อนำเสนอแผนงานให้ความรู้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ ในการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอเพื่อส่งออกสินค้าและในช่วง 4 เดือนหลังจากนี้ (กันยายน – ธันวาคม 2562) กรมฯจะลงพื้นที่พบปะหารือ เกษตรกร กลุ่มสหกรณ์วิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ พร้อมเฟ้นหาสินค้าท้องถิ่นที่มีศักยภาพในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ
 
ซึ่งในเดือนกันยายนนี้จะลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เน้นสินค้าผลไม้ อาหารทะเลแปรรูปและจังหวัดมุกดาหาร ที่มีสินค้าเด่นคือ โคเนื้อ จากนั้นเดือนตุลาคมพบผู้ประกอบการในจังหวัดนครราชสีมาที่มีสินค้านมโคแปรรูป ผ้าไหม และจังหวัดกำแพงเพชรส่งเสริมกล้วยไข่ หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายนลงพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ผลักดันผลิตภัณฑ์ข้าว และเดือนธันวาคมมุ่งสู่ภาคอีสานจังหวัดชัยภูมิและบุรีรัมย์ สินค้าผ้าไหมและผลไม้
 
นอกจากนี้กรมฯกำหนดแผนงานต่างๆที่จะดำเนินการในปี 2563 เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เช่น “โครงการประกวดการจัดทำแผนธุรกิจ DTN Business Plan Awards 2020” และต่อยอด “โครงการจัดทัพโคนมไทย บุกตลาดต่างประเทศด้วย FTA” เป็นปีที่3ติดต่อกัน

นางอรมน เพิ่มเติมว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.– มิ.ย.)การค้าระหว่างประเทศไทยกับคู่ค้า 17 ประเทศที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ด้วย มีมูลค่าการค้ารวม 142,967.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็น มูลค่าส่งออก 70,159.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และมูลค่านำเข้า 72,807.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประเทศคู่เอฟทีเอที่ไทยมีมูลค่าการค้ากับไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) อาเซียน มีมูลค่าการค้า 53,557.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (2) จีน มีมูลค่าการค้า 37,853.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (3) ญี่ปุ่น มีมูลค่าการค้า 28,921.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (4) ออสเตรเลีย มีมูลค่าการค้า 7,113.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และ (5) เกาหลีใต้ มีมูลค่าการค้า 6,962.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
 
ทั้งนี้สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปยังคงเป็นสินค้าสำคัญและมีแนวโน้มที่จะขยายตลาดได้อีก โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้นวัตกรรมในการเพิ่มมูลค่า สินค้าสุขภาพ อาหารปลอดภัย มีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจึงอยากให้เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยให้ความสนใจในเรื่องนี้และใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอของไทย เข้าตลาดประเทศคู่ค้าที่ได้ลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 ส.ค. 2562 เวลา : 14:06:31
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 2:25 pm