การตลาด
สกู๊ป กระแสรักสุขภาพมาแรงหนุน"อัลมอนด์"ปลุกตลาดนมคึก


หลังจากคนไทยหันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ส่งผลให้อาหารเพื่อสุขภาพหลายชนิดมีอัตราการเติบโตดีตามขึ้นไปด้วย หนึ่งในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพที่น่าจับตามองนับจากนี้ คือ ตลาดนมธัญพืช(RNGS) ในกลุ่มนมอัลมอนด์ด้วยรสชาติที่รับประทานง่ายและเหมาะกับคนที่แพ้นมวัว


 
 
นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่ต่ำกว่านมวัวประมาณ 65-80% โดยนมอัลมอนด์ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งรสหวาน 1 ถ้วยที่มีปริมาณ 240 มิลลิลิตรจะให้พลังงานประมาณ 30-50 แคลอรี่ ขณะที่นมวัวในปริมาณเท่ากันให้พลังงานถึง 146 แคลอรี่ นอกจากนี้นมอัลมอนด์ขนาด 240 มิลลิตร ยังมีแคลเซียมประมาณ 20-45% แม้จะน้อยกว่านมวัวแต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ไม่ชอบดื่มนมวัวหรือแพ้นมวัว

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลาดนมอัลมอนด์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเห็นได้จากอัตราการขยายตัวของตลาดนมธัญพืชตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีการขยายตัวสูงถึง 30% สูงกว่าภาพรวมตลาดนม 60,000 ล้านบาท ที่มีการขยายตัวเพียง 4% เท่านั้น

จากการขยายตัวดังกล่าวทำให้นักธุรกิจหลายคนล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดนมัญพืช โดยเฉพาะตลาดนมอัลมอนด์ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดนมธัญพืชเริ่มมีการแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น ล่าสุดจากผลการสำรวจโดยนีลเส็น ประเทศไทย (The Nielsen Company (Thailand) Limited) ออกมาระบุว่า บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดนมอัลมอนด์ของประเทศไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการมีส่วนแบ่งการตลาดในเชิงมูลค่าของตลาดเครื่องดื่มธัญพืช(นมอัลมอนด์)ของประเทศไทย เดือนก.ค. 2561- มิ.ย. 2562 อยู่ที่ประมาณ 54%

นายนิธิน บาทรา ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท บลูไดมอนด์ โกรเวอร์ส จำกัด กล่าวว่าการที่บริษัทสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดนมอัลมอนด์ในประเทศไทยด้วยการเจาะตลาดผู้บริโภคและขับเคลื่อนให้ตลาดมีการเติบโตนั้น ปัจจัยหลักน่าจะมาจากการที่ผู้บริโภคชาวไทยหันมาดูแลสุขภาพกันมาขึ้น ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเข้าทำตลาดและมีการทำการตลาดถึงกลุ่มเป้าหมาย จึงทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเป็น 2 เท่าของคู่แข่ง

ด้านนายวิทวัส พลไพศาล รองประธานกรรมการ เครือเฮอริเทจ กล่าวว่าแม้ในไทยการดื่มนมอัลมอนด์ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักแต่ก็ถือว่ามีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนที่สหรัฐอเมริกาที่การดื่มนมอัลมอนด์ถือเป็นการรักสุขภาพและมีความนิยมติดตลาดไปแล้ว คนอเมริกันจะเซนซิทีฟกับเรื่องของแลคโตสมาก ซึ่งนมอัลมอนด์ถือเป็นนมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้โดยตรง เพราะไม่มีแลคโตส เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่แพ้นมวัว โดยปัจจุบันบริษัทมีการนำเข้าเมล็ดอัลมอนด์จากสหกรณ์ผู้ผลิตอัลมอนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกอัลมอนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อรับเอาเมล็ดอัลมอนด์คุณภาพระดับพรีเมียมเข้ามาผลิตเป็นนมอัลมอนด์ในประเทศไทยและคุมราคาให้อยู่ได้ที่ 20 บาท

 
 
ปัจจุบัน บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซได้มีการผลิตสินค้าเพื่อวางจำหน่ายทั่วโลกแล้วกว่า 20 ประเทศ  สำหรับในประเทศไทยได้มีการผลิตนมอัลมอนด์เข้ามาทำตลาดจำนวน 6 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินอล, สูตรไม่เติมน้ำตาล, รสวานิลลา, รสช็อกโกแลต, รสมัทฉะ ,รสลาเต้และล่าสุดได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “อัลมอนด์ บรีซ บาริสต้า เบลนด์” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นมอัลมอนด์สำหรับตีฟองนม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคอกาแฟที่แพ้นมวัวและนมถั่วเหลือง ซึ่งหลังจากนำสินค้าเข้าทำตลาดในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียพบว่าลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี  

ส่วนในประเทศไทยมีวางจำหน่ายแล้วที่ฟู้ดแลนด์ทุกสาขาในขนาด 946 มิลลิลิตรราคา 99 บาท  และในเร็วๆนี้จะมีวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆเพิ่มเติม  ซึ่งหลังจากเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง บลูไดมอนด์ อัลมอนด์ บรีซ มั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับดีมีรายได้เติบโตตรงตามเป้าหมายที่วางไว้

น.ส.อริสา กุลปิยะวาจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด เจ้าของแบรนด์นมอัลมอนด์ 137 ดีกรี กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของนมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอและนมวอลนัต หลังจากเปิดตัวสินค้าเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2558 แล้วลูกค้าให้ผลการตอบรับที่ดี โดยในส่วนของกลยุทธ์ที่นำมาใช้นั้นจะยังชูจุดขายในเรื่องคุณภาพการเป็นนมสกัดจากถั่วเต็มเมล็ดโดยไม่ใช้หัวเชื้อเข้มข้นมาแทนและใช้เกสรดอกมะพร้าวของไทยแทนน้ำตาลให้ความหวานไม่มากเกินไป ทั้งยังบรรจุในแพ็กเกจกล่องรูปลักษณ์ทันสมัย

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายนั้นตอนนี้แบรนด์ นมอัลมอนด์ 137 ดีกรี  กระจายสินค้าค่อนข้างครอบคลุมโมเดิร์นเทรดทุกที่ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือท็อปส์  ,เทสโก้ โลตัส , เลม่อนฟาร์ม ,เซเว่นอีเลฟเว่น หรือแมคโคร ฯลฯ ขณะเดียวกันยังมีการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายตามช่องทางร้านอาหารต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจากแผนการทำตลาดดังกล่าวทำให้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่มาจากช่องทางห้างค้าปลีกคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% และอีก 40% เป็นกลุ่มลูกค้าที่มาจากช่องทางร้านอาหารและบริการเดลิเวอรี่

น.ส.อริสา กล่าวอีกว่าจุดเริ่มต้นของนมอัลมอนด์ 137 ดีกรี มีสินค้าวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตเพียง 3-4 เชนเท่านั้น เมื่อลูกค้ามีความต้องการเพิ่มขึ้น จึงทำให้เชนซูเปอร์มาร์เก็ตอื่นๆติดต่อเข้ามา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดนมธัญพืชได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นและจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าวทำให้รายได้ของบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากปีแรกมีรายได้เพียง 2.8 ล้านบาทเท่านั้น  ปัจจุบันตั้งแต่ในปี 2559 ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นกว่า 200 ล้านบาท  ขณะที่ตลาดรวมนมอัลมอนด์ในปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท เติบโตต่อปีมากกว่า 10% ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว ซึ่งถือว่าสูงกว่าตลาดนมถั่วเหลืองที่โตเฉลี่ยปีละ 5-7% เท่านั้น โดยปัจจุบันตลาดนมถั่วเหลืองมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านบาท หากตลาดนมอัลมอนด์ยังเติบโตแบบนี้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าอีกไม่กี่อึดใจจะต้องมีมูลค่าถึง 1,000 ล้านบาทและในอนาคตต้องทะยานถึง 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน

LastUpdate 14/09/2562 09:36:35 โดย : Admin
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 7:14 am