แบงก์-นอนแบงก์
BAY ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือโต 2.9% จากเดิม 3.2%


ธนาคารกรุงศรีปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงเหลือโต 2.9%จากเดิม 3.2% หลังเศรษฐกิจโลกชะลอลงอย่างชัดเจนจากสงครามการค้า ระบุส่งออกครึ่งปีแรกที่หดตัว3% คิดเป็น87%ของการส่งออกทั้งหมด และคาดกนง.ลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.25%เดือนพ.ย.  
 

 
 
ดร.สมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าว่าธนาคารได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ลงเหลือ 2.9% จากเดิม 3.2% ซึ่งเป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 สะท้อนถึงการขยายตัวในอัตราที่ลดลงในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ส่วนการส่งออกทั้งปียังคาดว่าจะติดลบ 2.8% ซึ่งมีผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลอย่างชัดเจนมากขึ้นและสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรง ขณะที่ความเชื่อมั่นในประเทศก็ยังคงลดลง แต่เศรษฐกิจไทยน่าจะฟิ้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4 เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่างๆและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

 
 
 
 
สำหรับการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ทีมวิจัยเศรษฐกิจของธนาคารพบว่า ในช่วงครึ่งแรกของปียอดส่งออกไทยปรับลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนอุตสาหกรรมที่มีการส่งออกลดลงเป็น 87% ของอุตสาหกรรมที่มีการส่งออกทั้งหมด นำโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์และยานยนต์  ซึ่งการหดตัวของการส่งออกในครึ่งปีแรกส่งผลต่อ 66% ของอุตสาหกรรมไทย โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบทางลบโดยอ้อมในหลายกลุ่มธุรกิจ  ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรงได้แก่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์ ส่วนกลุ่มที่ได้รับผลกระทบปานกลางได้แก่กลุ่มยานยนต์ เครื่องจักรและอุปกรณ์  และยังพบว่าบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัทต่างชาติได้รับผลกระทบในระดับรุนแรงและปานกลาง 

 
 
 
ด้านการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบคิดเป็น 80% ของแรงงานทั้งหมด แรงงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีค่าจ้างต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท
 
ดร.สมประวิณ บอกด้วยว่าปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจไทยมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้นโดยความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่อยู่ที่ 5% ส่วนไตรมาสแรกเพิ่มเป็น 9% และไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 16% ไตรมาสที่ 3 ที่ 22% ซึ่งหากความน่าจะเป็นแตะที่ระดับ 40% ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยขึ้นในอีก 2 ไตรมาสต่อมา

สำหรับค่าเงินบาทในสิ้นปี 62 ธนาคารยังมองว่าอยู่ที่ระดับ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยคาดว่าหาก กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงเดือน พ.ย.นี้ จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้เล็กน้อย ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันในปีนี้มองว่าอยู่ที่ 66.50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  ซึ่งทิศทางราคาน้ำมันจะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง แม้จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงในประเทศซาอุดีอาระเบีย จนทำให้กำลังการผลิตน้ำมันหายไป 50%  แต่เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นผลกระทบในระยะสั้น เนื่องจากซัพพลายของน้ำมันในโลกยังมีเพียงพอ โดยเฉพาะสหรัฐฯที่สามารถนำเชลล์ออยล์และเชลล์แก๊สออกมาใช้ได้ อีกทั้งทางซาอุฯ ออกมาประกาศว่าจะกลับมาผลิตได้ตามปกติภายใน 1 สัปดาห์
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 17 ก.ย. 2562 เวลา : 20:32:53
24-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 24, 2024, 7:32 pm