เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
เจ็บแล้วต้องจบ...เปิดเมืองอย่างไรให้ไม่ต้องปิดซ้ำสอง?


                                                                                                                                                                                     

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน อัตราผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ของประเทศไทยดูจะชะลอลงมาก นับเป็นเรื่องน่ายินดีและต้องขอปรบมือให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกท่าน โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขอีกครั้ง รวมทั้งประชาชนคนไทยทุกคนทีร่วมแรงร่วมใจกัน เว้นระยะห่างทางสังคมเท่าที่จะทำได้ และทำให้มาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” สัมฤทธิ์ผล อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งด่วนดีใจเกินไปจนกว่าเราจะชนะสงครามนี้จริง ๆ เพราะยังมีโอกาสสูงที่ข้าศึกที่เรามองไม่เห็นจะโต้กลับและทำให้เราบาดเจ็บหนัก หากเราลดอาวุลงเสียตอนนี้...

 

 

ผู้เขียนเข้าใจดีว่า ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีอัตราการติดเชื้อชะลอลงแล้วนั้น ต่างอยู่บนทางสองแพร่งที่ต้องเผชิญระหว่าง เราจะยอมเสี่ยงติดโควิด-19” เพราะการลดอาวุธและกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ หรือ เราะยอมเจ็บด้านเศรษฐกิจจนกว่าโควิด-19 จะจบ เพราะมาตรการปิดเมืองที่ทำให้เศรษฐกิจยังคงเดินต่อไม่ได โดยทั้งสองทางนี้ต่างมีเหตุผลที่ฟังขึ้น ทางเลือกแรกคือ ราต่างทนเจ็บกันมามากพอแล้ว เมื่อสถานการณ์คลี่คลายและมีผู้ป่วยรายใหม่ลดน้อยลงเรื่อยๆ ก็ควรจะต้องกลับมาเปิดเมืองเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง แม้ว่าต้องแลกด้วยความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็ตาม ในทางตรงกันข้าม ทางเลือกที่สองมีแนวคิดว่า เราอุตส่าห์ทนเจ็บกันมาตั้งนาน จะรอให้ข้าศึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบเสียก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ เพราะหากเปิดเมืองแล้วกลับมีผู้ติดเชื้อเร่งขึ้นอีกการที่เราทนเจ็บกันมาทั้งหมดนั้นจะ เสียของ และทำให้เราต้องกลับมาเจ็บใหม่อย่างไม่สมควร

 

การตัดสินใจบนทางเลือกทั้งสองทางนี้ จึงเปรียบเสมือนการใส่ของบนตาชั่ง 2 แขน ที่จำเป็นต้องประเมินให้น้ำหนักสมดุลระหว่างแขนทั้งสอง เพื่อให้ตาชั่งไม่โน้มเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งระหว่างความเสี่ยงทางเศรษฐกิจกับความเสี่ยงทางสุขภาพ เพราะการเปิดเมืองเพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาเดินต่อได้ย่อมเป็นผลดี ค่อยๆ ช่วยเยียวยาบาดแผลของผู้คนได้ แต่การยอมเสี่ยงให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นแล้วต้องมาเสียชีวิตอย่างทรมาน (หรือเป็นพาหะแพร่เชื้อให้กลุ่มเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ผู้สูงอายุที่บ้าน) มันจะได้ไม่คุ้มเสียกัน 

  

 

 

ดังนั้น ผู้เขียนจึงขอชวนท่านผู้อ่านคิด และขออนุญาตเสนอทางออกที่คิดว่าเหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันคือ การเดินทางสายกลาง อันเป็นการพบกันครึ่งทางระหว่าง 2 แนวคิดนี้ นั่นคือการเปิดเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดยเปิดพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำในการรับและแพร่เชื้อเป็นลำดับแรกก่อน แล้วทยอยเปิดที่ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเมื่อมีความพร้อมรับมือตามลำดับ พราะการเดินหน้าต้องเดินไม่ให้พลาด การต้องกลับมาปิดเมืองอย่างเข้มงวดอีกครั้งจากการระบาดระลอกสองนั้น มันจะเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าในปัจจุบันและเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น อย่างไรก็ดี ข้อเสนอการเปิดเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไปดังกล่าวจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยวามร่วมมือของทุกภาคส่วน ดังต่อไปนี้ครับ

 
1. ภาครัฐต้องเตรียมความพร้อมมาตรการ/กฎกติกาอย่างรัดกุมสำหรับการเปิดเมืองในทุกระยะ เพื่อให้ธุรกิจและประชาชนปฏิบัติตาม อาทิ มาตรการติดตามและกักกันหากพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างรวดเร็ว การจัดหาเครื่องมือในการป้องกันตนเองอย่างเพียงพอสำหรับบุคคลในอาชีพที่ไม่สามารถทำงานที่บ้านได้และอาศัยการสัมผัสสูง เช่น การส่งของ การเก็บขยะ รวมทั้งควรสื่อสารและทำความเข้าใจในมาตรการต่าง ๆ อย่างชัดเจนและโปร่งใส เพื่อให้ธุรกิจและประชาชนตระหนักรู้และนำไปสู่ความร่วมมืออย่างเข้มแข็ง
 
2. ภาคธุรกิจดำเนินตามกฎกติกาอย่างเคร่งครัดแข่งขันกันเป็นต้นแบบของธุรกิจที่ปรับตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งออกแบบวิธี/คู่มือปฏิบัติตามมาตรฐานสาธารณสุขในสถานที่และกิจกรรมการทำธุรกิจ อาทิ การมีมาตรการรักษาความสะอาดอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มีความใส่ใจด้านสุขภาพมากขึ้นได้เป็นอย่างดี
 
3. ประชาชนทุกคนร่วมแรงร่วมใจเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป โดยรักษาวินัยในการปฏิบัติตามกฎกติกาของรัฐอย่างเคร่งครัด อาทิ การระมัดระวังตนเองไม่ให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยง สถานที่และกิจกรรมที่มีการรวมตัวชุมนุมกัน โดยต้องป้องกันตนเองและผู้อื่นด้วยการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ ใครทำงานที่บ้านได้ก็ควรทำต่อไป และที่สำคัญคือ การมี จิตสำนึก” ที่ต้องรู้ว่า นี่คือ หน้าที่” ต่อสังคมในภาวะที่ไม่ปกติ ซึ่งมาพร้อมกับ “เสรีภาพ” ที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากการเปิดเมือง

 

แน่นอนว่าชีวิตย่อมมีความหวังและต้องดำเนินต่อไป เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่องคงจะทยอยเปิดเมืองกันได้มากขึ้นตามลำดับ แต่การเดินหน้าเข้าหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นั้นต้องกระทำอย่างระมัดระวังครับ ดังปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ที่ว่า ...เธอทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด

 

** บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด **


เขียนโดย "สุพริศร์ สุวรรณิก" ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย

LastUpdate 27/04/2563 12:52:35 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 4:02 am