ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปี จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด COVID-19 รอบ 2 ในสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมนี
ทั้งนี้ เฟดได้เตือนว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน พร้อมกับประกาศเข้าซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนมูลค่า 7.5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาทองยังได้แรงหนุนจากการที่โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองในระยะ 12 เดือนสู่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป รวมถึงความวิตกเกี่ยวกับการลดค่าเงิน
ในสัปดาห์นี้เราคาดว่าราคาทองคำกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นหลังสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 ปี โดยทองคำจะผันผวนในช่วงปลายสัปดาห์ที่สหรัฐประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงาน
สำหรับผู้ที่มีสถานะให้ถือสถานะที่มีเพื่อรันเทรน ส่วนผู้ที่รอซื้อเน้นซื้อจังหวะย่อตัว เราคาดกรอบราคาทองคำที่ 1,740-1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 25,440-26,080 บาทต่อบาททองคำ
ศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย ปิดบวก 4.46 จุด หรือ +0.34 อย่างไรก็ดี ดัชนีลดช่วงบวกในภาคบ่ายจากระหว่างวันที่ขึ้นไปบวกสูงสุดกว่า 18 จุด
ขณะที่การปรับตัวขึ้นในวันศุกร์เป็นเพียงแรงรีบาวด์หลังจากที่ปรับตัวลงหลายวันก่อนหน้านี้ โดยดัชนี SET Index ปิดที่ 1,330.34 จุด (+4.46 จุด) Volume 4.7 หมื่นล้านบาท
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น PTG ซึ่งมีแนวรับที่ 16.30 บาท และมีแนวต้นที่ 17.10-17.70 บาท โดยราคาเคลื่อนไหวตามกรอบแนวโน้มขาขึ้น พร้อมวอลุ่มที่ทรงตัวในระดับสูง อีกทั้งยืนเหนือเส้น EMA ทุกเส้นได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
และอีกหุ้นหนึ่งได้แก่ BEC ซึ่งมีแนวต้นที่ 4.94 บาท และมีแนวต้านที่ 4.88 บาท และ Cut Loss ที่ 5.10-5.50 บาท เพราะยังมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง แม้จะมีการตัวมาตลอด 2 เดือน โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดสร้างแท่งเทียนเขียวพร้อมวอลุ่มที่เพิ่มขึ้นทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้
ข่าวเด่น