ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 8 ปีที่ 1,817 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากกองทุน SPDR ที่เข้าซื้อสถานะต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 1,200 ตันซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี
นอกจากนี้ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทั่วโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแตะ 12.3 ล้านคน และยอดผู้ติดเชื้อรายวันปรับตัวขึ้นสูงทำสถิติใหม่ที่ 2.2 แสนคนต่อวัน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ส่วนในสัปดาห์นี้เราคาดว่าราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของกองทุน SPDR และความกังวลการแพร่ระบาดรอบ 2 ของ COVID-19 สำหรับผู้ที่มีสถานะให้ถือสถานะที่มีเพื่อรันเทรน ส่วนผู้ที่รอซื้อเน้นซื้อจังหวะย่อตัว เราคาดกรอบราคาทองคำที่ 1,770-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเทียบเท่าทองคำไทย 26,130-27,100 บาทต่อบาททองคำ
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 ก.ค.) ดัชนีปิดลงร่วงแรงกว่า 15.31 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค จากความกังวลของไวรัสโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ป่วยใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐที่อาจลุกลาม
จนกระทั่งล็อกดาวน์เมืองรอบ 2 ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,350.50 จุด (-15.31 จุด) Volume 6.4 หมื่นล้านบาท
ดังนั้นฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลง โดยมีแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดความกังวลว่ารัฐบาลอาจกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง
ประกอบกับข่าวรัฐบาลฮ่องกง เตรียมประกาศปิดโรงเรียนทุกแห่งตั้งแต่วันนี้ (13 ก.ค.) เป็นต้นไป หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างมาก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,310-1,370 จุด
ส่วนหุ้นที่จับตามองในสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้น JKN โดยมีแนวรับที่ 6.10 บาท มีแนวต้นที่ 6.00 บาท จุด Cut loss อยู่ระหว่าง 6.25.6.79 บาท โดยราคาอยู่ในกรอบขาขึ้น โดยมี Volume เข้าติดต่อกันเป็นวันที่ 3 วัน และ Slow Sto. ส่งสัญญาณบวก คาดราคามีโอกาสขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านที่ 6.25-6.70 บาท
และหุ้นที่น่าจับตามองอีกตัวหนึ่ง คทอหุ้น PYLON โดยมีแนวรับที่ 4.98 บาทและมีแนวต้านที่ 4.90 บาท มีจุด Cut loss ที่ 5.10-5.50 บาท และดีดตัวทำแท่งเขียวยาว พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD ส่งสัญญาณ Bullish ต่อเนื่อง หากผ่านต้านแรกที่ 5.10 บาท จะมีต้านถัดไปแถว 5.50 บาท
ข่าวเด่น