หุ้นเบต้าต่ำ-ปันผลสูง ช่วยลดเสี่ยง-เลี่ยงขาดทุน
ในช่วงที่เศรษฐกิจยังคงซบเซาและตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง นักลงทุนส่วนใหญ่จะหันไปหาหุ้นที่จ่ายปันผลดี (Dividend Stock) แม้ว่าหุ้นกลุ่มนี้จะไม่ค่อยหวือหวาในแง่ของการเปลี่ยนแปลงด้านราคาก็ตาม แต่จะมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ
มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคุณฐิติเมธ โภคชัย บอกว่า นอกจากนี้ยังมีคนจะเลือกหุ้นปันผลที่มีค่าเบต้า (Beta) ต่ำๆ เพื่อช่วยลดแรงกดดันต่อความผันผวนของตลาดหุ้นด้วย
โดย ค่าเบต้า เป็นตัวชี้วัดเชิงปริมาณของความผันผวนของราคาหุ้นนั้นๆ เทียบกับดัชนีตลาดหุ้นโดยรวม ตามคำนิยามดัชนีตลาดหุ้นจะมีค่าเบต้าเท่ากับ 1.0 และค่าเบต้าของหุ้นแต่ละตัวจะมีการจัดอันดับตามการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่เบี่ยงเบนไปมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับดัชนีของตลาดหุ้น
ดังนั้น หุ้นที่มีค่าเบต้ามากกว่า 1 จะมีความผันผวนมากกว่าตลาดหุ้นโดยรวม ในขณะที่หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำกว่า 1 จะมีความผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นโดยรวม โดยหุ้นที่มีค่าเบต้าสูง จะถือว่ามีความเสี่ยงมากขึ้น แต่ก็มีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน
ขณะที่หุ้นที่มีค่าเบต้าต่ำ ตามปกติแล้วจะมีความเสี่ยงน้อย และมีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าจากกำไรส่วนต่างของราคาหุ้น
ส่วนหุ้นปันผลมักจะมีค่าเบต้าต่ำ นั่นหมายถึง หุ้นกลุ่มนี้จะมีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านราคาลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นโดยรวมในภาวะที่ตลาดหุ้นมีการชะลอตัว
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่จะต้องทราบ คือ หุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นที่มีความปลอดภัย (Defensive Stock) ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หรือปัจจัย 4 ทำให้เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
เงื่อนไขในการคัดกรอง
1. ค่าเบต้าไม่เกิน 1
2. อัตราปันผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 8% ขึ้นไป (ณ วันที่ 30 กรกฎาคม 2563)
3. อัตราปันผลตอบแทน มากกว่า 5% ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 - 2562)
4. กำไรสุทธิเป็นบวก (ไม่เคยขาดทุน) ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 - 2562)
ข่าวเด่น