หุ้นทอง
บล.ไทยพาณิชย์วิเคราะห์ เคลื่อนไหวในกรอบ 1232-1252 จุด โดยการรีบาวด์ทางเทคนิคถูกจำกัด เนื่องจากยังขาดปัจจัยหนุน


กลยุทธ์การลงทุน:


คาด SET เคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบ 1232-1252 จุด โดยวันนี้มีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง ด้วยการรีบาวด์ทางเทคนิค และงบฯ TISCO ที่ดีกว่าคาด สร้าง Sentiment เชิงบวกระยะสั้นต่อกลุ่มแบงก์ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ขาดปัจจัยหนุนที่ชัดเจนในช่วงนี้ และเผชิญปัจจัยกดดันมาตรการด้านการคลังของสหรัฐที่ยังไร้ข้อตกลง รวมถึงการแพร่ระบาดของ COVID ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในยุโรป ทำให้การฟื้นตัวถูกจำกัด และในภาพรวม SET ยังอยู่ในทิศทางลง กลยุทธ์ พอร์ตลงทุน แนะนำซื้อหุ้นในสัดส่วน 25% บริเวณ 1240-1250 จุด ส่วนพอร์ตเก็งกำไรใช้การเล่นรอบด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากตลาดยังมีความผันผวน

 
ล็อคเป้าลงทุน:

- มอง SET ยังมีความผันผวนตามปัจจัยแวดล้อมที่ยังไม่แน่นอนและมีความเสี่ยง โดยพอร์ตลงทุนให้ทยอยซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีเมื่อดัชนีย่อตัว ส่วนพอร์ตเก็งกำไรเล่นรอบด้วยความระมัดระวัง

- สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำหุ้นเชิงรับและ selective buy ในหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาปรับลงแรงอย่าง CPF SCCC BDMS EGCO รวมทั้ง BAM ที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 รอบ 1H64 ส่วนหุ้นขนาดเล็กเน้น trading คือ AUCT, IIG, PRIME, SVI, WICE, ZIGA, ILINK, NOBLE, IP, TNP

แนะนำ trading หุ้นยานยนต์ จากปัจจัยหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ทยอยฟื้นตัว และมีความต้องการรถยนต์ที่ผลิตจากไทยเพิ่มขึ้น โดยแนะนำ AH (รับ 11.70 ต้าน 12.30) และ IHL (รับ 3.14 ต้าน 3.30) และตั้งจุด stop loss ทุกครั้ง

ประเด็นสำคัญ

# ตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรปปรับลดลง เช่นเดียวราคาน้ำมันร่วงลงต่อ

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง กดดันจากผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด และดัชนีภาคการผลิต ต.ค. ของนิวยอร์กลดลงมากกว่าคาด ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปรับลงแรงจากการระบาดหนักของโควิด-19 ใน UK และฝรั่งเศส ด้านราคาน้ำมันปรับลงหนักจากการ lockdown รอบสองในยุโรปกระทบอุปสงค์ แม้สต็อกน้ำมันสหรัฐจะลดลงมากกว่าคาดก็ตาม

# ธปท.มีแนวคิดตั้ง AMC ช่วยบริหารหนี้ แต่ยังมีความเป็นไปได้น้อย

ประเด็นดังกล่าวสร้าง sentiment เชิงลบต่อหุ้นบริหารหนี้ โดยเฉพาะ BAM อย่างไรก็ตาม เรามองว่าไม่น่ากระทบต่อผลการดำเนินงาน เนื่องจากจำนวน NPL ที่จะเข้ามาในระบบมีมากเกินพอที่ BAM จะเข้าซื้อ ราคาหุ้นที่ปรับลงจึงเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น

# กำไร 3Q63 TISCO ดีกว่าคาด ส่วน KTC ใกล้เคียงตลาดคาด

โดยกำไรสุทธิ 3Q63 ของ TISCO อยู่ที่ 1.61 พันลบ. ลดลง -14.2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 20.8%QoQ ดีกว่าคาด หลักๆเกิดจากการตั้งสำรองน้อยกว่าคาด และรายได้ที่สูงกว่าคาดทั้ว NII และ non-NTT ขณะที่ KTC กำไรสุทธิ 3Q63 อยู่ที่ 1.22 พันลบ. ลดลง -5.5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 6.3%QoQ

Wealth Strategy

แนะนำหุ้นกู้คุณภาพ บมจ.ปตท. (PTT) อายุคงเหลือ 5-7 ปี อันดับเครดิตหุ้นกู้ AAA และ หุ้นกู้ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) อายุคงเหลือ 3-5 ปี อันดับเครดิตหุ้นกู้ A+

บทวิเคราะห์วันนี้

BDMS – ปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นไปมากแล้ว

BEM – ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ขาดแรงขับเคลื่อนที่ชัดเจน

TISCO – 3Q63: ดีเกินคาดเพราะคุณภาพสินทรัพย์และรายได้ดี

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ต.ค. 2563 เวลา : 10:51:36
18-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 18, 2024, 8:22 am