หุ้นทอง
ลงกองทุนรวมแบบไหน เหมาะกับเป้าหมายในฝันของคุณ


ก่อนจะเริ่มลงทุนในกองทุนรวม คุณควรรู้จักกองทุนรวมแต่ละประเภทก่อน เพื่อที่จะทราบว่ากองทุนรวมนั้นๆ เหมาะกับวัตถุประสงค์การลงทุนแบบใด และสอดคล้องกับเป้าหมายความฝันของคุณหรือไม่

วันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคุณนารินทิพย์ ท่องสายชล จะแนะให้เห็นว่า การแบ่งประเภทกองทุนรวม สามารถแบ่งได้หลายประเภท เช่น การแบ่งตามลักษณะการจัดจำหน่ายและการไถ่ถอนคืนหน่วยลงทุน การแบ่งตามการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี และการแบ่งตามนโยบายการลงทุน เป็นต้น
 

ดังนั้น เพื่อให้คุณเข้าใจได้ง่าย และสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะกับตนเองได้ จึงขอแบ่งประเภทกองทุนรวมตามสินทรัพย์ลงทุนออกเป็น 5 กลุ่ม ดังนี้
 
กลุ่มที่ 1 ได้แก่ เงินฝาก ตั๋วเงินคลัง ตราสารหนี้ระยะสั้น
 
สินทรัพย์กลุ่มนี้ เป็นสินทรัพย์ที่ให้ความปลอดภัย ให้สภาพคล่อง มีความคล่องตัวในการซื้อขาย เพราะอายุของสินทรัพย์จะไม่เกิน 1 ปี มีความเสี่ยงต่ำ โดยผลตอบแทนจะใกล้เคียงกับการฝากเงินในธนาคาร จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการพักเงินระยะสั้น สินทรัพย์กลุ่มนี้จะอยู่ในกองทุนรวมประเภท กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund)
 
กลุ่มที่ 2 ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน ตราสารหนี้
 
เป็นสินทรัพย์ที่มีอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ ให้ผลตอบแทนในรูปของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนเป็นรายได้ประจำในรูปของดอกเบี้ย โดยประเภทกองทุนรวมที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว คือ กองทุนรวมตราสารหนี้ (Fixed Income Fund)
 
กลุ่มที่ 3 ได้แก่ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ
 
เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนสูง แต่จะชดเชยด้วยการให้ผลตอบแทนสูง และสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ โดยนอกจากกำไรส่วนต่างจากราคาแล้ว ผู้ลงทุนยังมีโอกาสได้รับปันผลอีกด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและสภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น สินทรัพย์นี้จึงเหมาะกับผู้ที่มุ่งหวังให้เงินลงทุนเติบโต สามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินทรัพย์ได้ โดยสินทรัพย์กลุ่มนี้จะอยู่ในกองทุนรวมประเภท กองทุนรวมตราสารทุน (Equity Fund)
 
กลุ่มที่ 4 ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ โครงสร้างพื้นฐาน

สินทรัพย์กลุ่มนี้ เมื่อลงทุนแล้วจะมีรายได้ เข้ามาค่อนข้างสม่ำเสมอ ในรูปของ “ค่าเช่า” หรือ “รายรับ” ดังนั้น ความเสี่ยงจึงอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างต่ำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนเป็นรายได้ประจำในรูปของค่าเช่า หรือรายรับต่างๆ โดยประเภทกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มนี้ ได้แก่ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) / กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REITs) / กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund: IFF)
 
กลุ่มที่ 5 ได้แก่ ทองคำ สินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ
 
สินทรัพย์กลุ่มนี้ เหมาะกับการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยง เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ในกลุ่มอื่นๆ น้อย และไม่ได้มีระยะเวลาในการลงทุนที่เหมาะสม โดยนอกจากเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงแล้ว อาจมองเป็นสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไรส่วนต่างจากราคาได้อีกด้วย สินทรัพย์ลงทุนทางเลือกกลุ่มหลัก คือ สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
 
Hard Commodity เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป หรือมีการค้นพบเพิ่มขึ้นบ้าง แต่อัตราการค้นพบนั้นน้อยมาก เช่น น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ เงิน ทองคำขาว อลูมิเนียม ทองแดง เป็นต้น

Soft Commodity เป็นสินค้าการเกษตร มีการผลิตขึ้นและทดแทนได้ แต่ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยการผลิตต่างๆ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล เปลี่ยนไปตามโรคระบาด เช่น ยางพารา ข้าว ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำตาล ฝ้าย เนื้อโค เนื้อสุกร เป็นต้น
 
แม้สินทรัพย์กลุ่มนี้เป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยง แต่ก็มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากราคาสินทรัพย์มีความผันผวนสูง โดยนอกจากความต้องการใช้ (Demand) และปริมาณที่มีให้ใช้ (Supply) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดราคาสินทรัพย์แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งคาดการณ์ได้ยาก เช่น ฤดูกาล ภัยธรรมชาติ สงคราม โรคระบาด ล้วนมีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ รวมถึงอาจไม่มีสภาพคล่องในการซื้อขาย ดังนั้น ผู้ที่จะเลือกลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มนี้ ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ไปลงทุน และสามารถรับความเสี่ยงสูงได้
 
โดยประเภทกองทุนรวมที่ไปลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มนี้ คือ กองทุนรวมทองคำ (Gold Fund) /กองทุนรวมน้ำมัน (Oil Fund) เป็นต้น
 
 
 
นอกจากนี้ยังมีกองทุนรวมบางประเภทที่ถือสินทรัพย์หลายอย่าง ทั้งตราสารหนี้ หุ้นไทย และสินทรัพย์อื่นๆ เรียกว่า กองทุนรวมผสม (Balanced Fund) โดยผลตอบแทนที่กองทุนรวมผสมจะได้รับและความเสี่ยงของการลงทุนจะแตกต่างไปตามสัดส่วนการลงทุนของแต่ละสินทรัพย์ เช่น กองทุนรวมผสม A ลงทุนในหุ้น 50% ตราสารหนี้ 50% จะมีความเสี่ยงสูงกว่า กองทุนรวมผสม B ที่ลงทุนในหุ้น 20% และตราสารหนี้ 80%
 
กองทุนรวมผสม จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ระดับปานกลางค่อนข้างสูง หรือต้องการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ภายในกองทุนเดียว โดยมีผู้จัดการกองทุนคอยบริหารสัดส่วนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะกับแต่ละภาวะตลาด
 
โดยสรุปแล้ว หากผู้ลงทุนอยากได้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ใด ก็ควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ไปลงทุนในสินทรัพย์นั้น รวมทั้งควรพิจารณาถึงผลตอบแทนที่คาดหวัง ระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และระยะเวลาการลงทุน ประกอบการตัดสินใจลงทุนด้วย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ต.ค. 2563 เวลา : 09:52:50
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 6:20 am