หุ้นทอง
Scan หุ้นจากงบการเงินก่อน ตัวช่วยการลงทุน-ปลอดภัยขึ้น


เวลาลงทุนในหุ้น ใครๆ ก็อยากได้หุ้นจากบริษัทที่ดี ซึ่งการวิเคราะห์บริษัทว่าดีหรือไม่ ต้องดูข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ที่สามารถสะท้อนฝีมือการบริหารธุรกิจ ทั้งตัวผลิตภัณฑ์ การบริหารบุคลากร การตลาด รวมไปถึงการบริหารการเงิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ สามารถเพิ่มมูลค่าหุ้นของบริษัทให้อยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

 
“งบการเงิน” นั้น มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือว่าเป็นตัวแทนของรายงานทางการเงินที่สะท้อนประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทที่ชัดเจนที่สุด

ดังนั้น คุณจึงควรเข้าใจว่างบการเงินมีความสำคัญอย่างไรต่อการตัดสินใจลงทุน ด้วยการ “ทำความเข้าใจ” ข้อมูลในงบการเงินเพื่อหาโอกาสในการลงทุน เพราะหากคุณทราบว่าต้องดูข้อมูลตรงไหน และรู้ว่าข้อมูลนั้นสำคัญอย่างไร คุณก็จะสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างสมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น
 
สำหรับนักลงทุนระยะสั้นถึงสั้นมาก (หรือนักเก็งกำไร) อาจคิดว่าไม่จำเป็นต้องอ่านงบการเงินเลย เพราะไม่ได้ต้องการจะถือหุ้นยาวแบบนักลงทุนระยะยาว ที่ต้องคอยติดตามผลประกอบการผ่านงบการเงินอยู่เสมอ ซึ่งถือเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องนัก

ในความจริง แม้จะเป็นลงทุนระยะสั้นๆ คุณก็ควรอ่านงบการเงินแบบสรุปมาบ้าง อย่างน้อยก็ดูผ่านๆ เพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทมีที่มาที่ไปทางธุรกิจ มีรายได้ มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสมเหตุผล และพอมีกำไรบ้าง ไม่ใช่บริษัทที่ขาดทุนซ้ำซาก หนี้บานเบอะ ขาดทุนสะสมหนาปึ้ก ส่วนของทุนใกล้ติดลบ ซึ่งหุ้นแบบนั้นจัดเป็นหุ้นที่ไม่น่าลงทุน
 
ถ้าคุณเน้นลงทุนระยะยาว หรือแนววีไอ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องตามดูงบการเงิน ซึ่งสาระสำคัญของงบการเงินที่คุณต้องพิจารณามีอยู่ด้วยกัน 3 งบและ 1 รายงาน คือ
 
รวยไม่รวย ดูที่งบแสดงฐานะการเงิน หรืองบดุล (Balance Sheet)
 
ใช้ดูฐานะและโครงสร้างทางการเงิน สิ่งที่คุณต้องมองหาจากงบดุล คือ

คุณภาพสินทรัพย์

โดยต้องเป็นสินทรัพย์ที่พร้อมทำมาหากินและให้ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น หลักๆ คือ เงินสด ลูกหนี้ สินค้าคงคลัง และที่ดิน อาคาร อุปกรณ์

สภาพคล่องกิจการ

ธุรกิจควรมีสินทรัพย์หมุนเวียน (เงินสด หรือลูกหนี้) มากกว่าหนี้สินระยะสั้น (เงินกู้ระยะสั้นที่ต้องชำระคืนภายใน 1 ปี)

ความมั่นคงของกิจการ

โดยดูจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt to Equity Ratio : D/E) ซึ่งธุรกิจที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ส่วนของเจ้าของบางเฉียบ ถือว่าไม่ดี ถ้าจะให้ดี อัตราส่วนนี้ต้องไม่เกิน 2 เท่า เพราะยิ่ง “หนี้น้อย ส่วนของทุนหนา” ก็จะยิ่งดูดี

กำไรสะสม (Retain Earnings)

เป็นกำไรสุทธิที่เกิดจากการทำมาหากินของบริษัทนับตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทจนถึงปัจจุบัน บริษัทที่มีกำไรสะสมมาก แสดงถึงฝีมือทำมาหากินที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสปันผลสูง
 
เก่งไม่เก่ง คุณต้องดูที่งบกำไรขาดทุน (Income Statement)
 
ใช้ดูผลการดำเนินงาน เราต้องการหุ้นที่ รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม ซึ่งควรสแกนดูทั้ง Top Line หรือ “รายได้” บรรทัดแรก และ Bottom Line หรือ “กำไรสุทธิ” บรรทัดสุดท้าย

ทั้งสองตัวเลขนี้ ต้องเป็นบวก และควรจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือไตรมาสที่แล้ว แต่การจะมีกำไรสุทธิเพิ่ม ก็ต้องมาจาก “รายได้เพิ่ม” ไม่ควรมาจากการลดต้นทุนอย่างเดียว เพราะเป็นการเพิ่มกำไรที่ไม่ยั่งยืน
 
อย่าลืมว่า หากบริษัททำมาหากิน มีรายได้เพิ่ม มีกำไรดี ผู้ถือหุ้นก็จะอยู่ดีกินดีไปด้วย เพราะกิจการจะจ่ายปันผลดี หรือถ้าไม่จ่ายเป็นเงินปันผลออกมา ก็ไปสะสมอยู่ใน “กำไรสะสม” ในส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มมากขึ้น นั่นคือ บริษัทมีฐานะทางการเงินเข้มแข็งมากขึ้น
 
รอดไม่รอด คุณต้องดูที่งบกระแสเงินสด (หรือ Cash Flow Statement)
 
ใช้ดูที่มาที่ไปของกระแสเงินสดของกิจการ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ

กระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงาน แสดงกระแสเงินสดไหลเข้าออกจากการทำมาหากิน ซึ่งเงินสดส่วนนี้ บรรทัดสุดท้ายควรต้องเป็น “บวก” แปลว่าทำมาหากินแล้วสร้างเงินสด ไม่ใช่ผลาญเงินสด

กระแสเงินสดสุทธิจากการลงทุน แสดงการใช้เงินสดออกไปลงทุน ถ้าส่วนนี้เป็น “ลบ” แปลว่าดี เพราะแสดงว่ามีการนำเงินออกไปลงทุนสร้างผลตอบแทนเพิ่ม

กระแสเงินสดสุทธิจากการจัดหาเงิน ถ้าเป็นลบ แสดงว่าใช้เงินสดจ่ายออก เช่น ปันผลหรือชำระหนี้ แต่ถ้าส่วนนี้เป็นบวก แสดงว่ารับเงินสดเข้า เช่น กู้เงินเพิ่มหรือเรียกเพิ่มทุนเข้ามา ซึ่งเห็นชัดเลยว่าเป็น “ลบ” ถึงจะดี
 
 
โปร่งใสหรือไม่ ดูที่หมายเหตุประกอบงบการเงิน (Notes to Financial Statement)
ใช้ดูขยายความรายการต่างๆ ในงบการเงินทั้งสาม ดูคดีความฟ้องร้อง เหตุการณ์ที่ผิดปกติ และข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นสาระสำคัญ แต่ไม่ได้แสดงในงบ เพื่อนักลงทุนสามารถนำมาประกอบการวิเคราะห์ถึงที่มาที่ไปของตัวเลขในบางรายการได้ ซึ่งหมายเหตุประกอบงบการเงินถือเป็นอีกหนึ่งในข้อมูลที่มีความสำคัญมาก
 
จากที่เล่ามาทั้งหมด คุณพอจะทราบกันแล้วว่า ในการอ่านงบการเงิน เค้าต้องดูหรือต้องวิเคราะห์อะไรบ้างในแต่ละงบ ดังนั้น ก่อนลงทุนหุ้นตัวใด อย่าลืม Scan หุ้นจากงบการเงินก่อนเสมอ เพราะจะช่วยให้การลงทุนของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้มากขึ้น จะเลี่ยงหุ้นที่ควรเลี่ยง จะติดตามหุ้นที่ควรตามติด ซึ่งเป็นการทำความรู้จักกับหุ้นที่สุดแสนจะคลาสสิคและได้ผลที่สุด

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ก.พ. 2564 เวลา : 09:45:16
26-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 26, 2024, 7:48 am