ผลตอบแทนบอนด์สหรัฐปัจจัยกดดันราคาทอง
หุ้น Sideway ออกข้างขาดแรงบวกต่างประเทศใหม่ๆ
สำหรับราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากสภาคองเกรสให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แบบ fast track เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.พ.) ซึ่งจะช่วยปูทางให้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี ไบเดน สามารถผ่านสภาคองเกรสโดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
โดยราคาทองคำถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นสู่ 1.15% จากต้นปีที่ระดับ 0.93% บ่งชี้ถึงต้นทุนการกู้ยืมเงินที่สูงขึ้น ทำให้เกิดการ Reverse dollar carry trade โดยนักลงทุนที่กู้ยืมเงินดอลลาร์เพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ได้ขายสินทรัพย์ต่างๆ และแลกกลับเป็นเงินดอลลาร์เพื่อนำไปชำระคืนหลังต้นทุนทางกรเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งต้นปี
ดังนั้น บล.โกลเบล็ก มีความเห็น ซึ่งเราคาดว่าทองคำมีโอกาสรีบาวด์ได้ แต่หากไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,860-1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้ระวังแรงขาย เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ยังทรงตัวใกล้ระดับ 1.15% เป็นปัจจัยกดดัน และให้จังหวะสะสมที่แนวรับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื่อ COVID ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเฟดยังคงเดินหน้าเพิ่มขนาดงบดุล ยังเป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำ
ขณะที่ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลง 8.59 จุด โดยตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกสลับลบ คาดตลาดภาพรวมยังไร้ปัจจัยใหม่เข้าหนุน
นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดตรุษจีน ประกอบกับจับตาผลประกอบการงวดปี 2563 ที่จะทยอยประกาศออกมาช่วงนี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,508.35 จุด -8.59 จุด -0.57% มูลค่าการซื้อขาย 106,406 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้แกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยต่างประเทศใหม่ๆเข้ากระทบตลาด ขณะปัจจัยในประเทศยังจับตาท่าทีของกลุ่มราษฎรว่า จะมีการชุมนุมอย่างต่อเนื่องหรือไม่ และนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500 - 1,550 จุด
ส่วน 2 หุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ EASTW โดยราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 9.75 บาท ดีดตัวขึ้นจากระดับ Bottom Zone พร้อม Volume เข้า และ MACD ส่งสัญญาณบวกในเขต Bullish หนุน หากผ่านต้านแรกที่ 9.85 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 10.30 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 9.40 บาท และจุด cut loss อยู่ที่ 9.30 บาท
และอีกหนึ่งหุ้น คือ THANI ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 4.38 บาท ราคาทยอยไต่ระดับขึ้น โดยมี Volume สะสมต่อเนื่อง และค่าสัญญาณซื้อจาก Slow Sto. หาก Break Out จุด High เดิมที่ 4.74 บาท ลุ้นทดสอบต้านหน้าที่ 5.00 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 4.30 บาท และจุด cut loss อยู่ที่ 4.26 บาท
ข่าวเด่น