ราคาทองคำปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน 37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.54% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 1 ปีส่งผลให้เกิด Reverse Dollar Carry trade เนื่องจากต้นทุนเงินทุนที่ปรับตัวขึ้น อีกทั้งทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
ดังนั้น ความเห็น ของ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก โดยเรามองกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,650-1,730 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมองว่ามีโอกาสปรับตัวลงเนื่องจากในทางเทคนิคมีการสร้าง Lower Low โดยเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาลงหลังหลุดแนวรับ 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์
โดยประเด็นกดดันมาจากแรงขายของกองทุน SPDR ที่มีสถานะขายตั้งแต่ต้นปี 109 ตัน (ปี 63 สถานะซื้อ 275 ตัน) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.54% ยังเป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติม
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน (5 มี.ค.) ดัชนีปรับตัวขึ้นกว่า 10 จุด สวนทางกับที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยดัชนีในประเทศได้แรงหนุนในหุ้นกลุ่ม Big Cap. คาดเป็น Flow จากนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,544.11 จุด +10.00 จุด +0.65% มูลค่าการซื้อขาย 104,776 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาส Sideway Up โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงิน Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรงตัวในระดับสูง ส่วนปัจจัยกดดันหลักยังอยู่ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,500 - 1,575 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ 2 หุ้น ที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ TMB ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 1.17 บาท ยืนเหนือเส้น EMA ระยะสั้น พร้อม Volume เข้า 2 วันติด และ Slow Sto. มีค่าสัญญาณซื้อหนุน หากผ่านต้าน 1.21 บาท ลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 1.27 บาท มีแนวรับที่ 1.15 จุด cut loss ที่ 1.12 บาท
ส่วนอีกหลักทรัพย์หนึ่ง คือ MAJOR ราคาปิดล่าสุด อยู่ที่ 21.50 บาท ราคาอยู่ในกรอบ Uptrend Channel โดยมีปริมาณซื้อขายสะสมต่อเนื่อง และ MACD ส่งสัญญาณ Bullish หนุน คาดราคมี Momentum ขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านที่ 22.00-27.00 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 21.00 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 20.70 บาท
ข่าวเด่น