หุ้นทอง
เวียตเจ็ทจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี มุ่งขยายการบริการตลอดปี 2564


 บริษัท เวียตเจ็ท เอวิเอชั่น จอยท์ สต็อค (HOSE: VJC) จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อทบทวนผลประกอบการปี 2563 อันเป็นปีแห่งการก้าวข้ามวิกฤติการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเพื่อขอความเห็นชอบต่อรายงานผลประกอบการประจำปี 2563 รวมทั้งแผนพัฒนาธุรกิจประจำปี 2564


 
เวียตเจ็ทได้กำหนดทิศทางของแผนธุรกิจในปี 2564 ด้วยแนวคิด “Back to the Sky”  โดยมุ่งเน้นการเติบโตภายในประเทศ  พร้อม ๆ กับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตลาดการบินระหว่างประเทศในเดือนกรกฎาคม 2564 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ผู้ถือหุ้นของสายการบินฯ ได้ลงมติให้ปรับแก้แผนธุรกิจปี 2564 ให้มีความรอบคอบรัดกุมมากยิ่งขึ้น

เวียตเจ็ทได้ตั้งเป้าหมายรายได้จากการขนส่งทางอากาศในปี 2564 ที่ 670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้รวมที่ 945 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโตแบบปีต่อปีอยู่ที่ 20% ทั้งนี้ เวียตเจ็ทจะสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ด้วยการเพิ่มรายได้จากธุรกิจการขนส่งสินค้า การเพิ่มบริการในการเดินทางทางอากาศใหม่ ๆ การอบรมและพัฒนาบุคลากร การซ่อมบำรุงอากาศยาน รวมถึงการลงทุนในโครงการต่าง ๆ และการลงทุนด้านการเงิน ซึ่งเวียตเจ็ทได้เตรียมพร้อมสำหรับระยะฟื้นฟูที่กำลังจะมาถึงแล้ว

เวียตเจ็ทยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อม ๆ กับการพัฒนานวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ โดยคาดว่าจะสามารถปรับใช้เทคโนโลยีในการให้บริการและการปฏิบัติการในทุกจุด เพื่อปรับปรุงผลิตภาพและคุณภาพการให้บริการ เวียตเจ็ทมุ่งรักษาอัตราการขนส่งผู้โดยสารเกิน 80% อัตราเที่ยวบินตรงเวลา 90% และคาดว่าจะสามารถให้บริการผู้โดยสารได้ถึง 15 ล้านคนในเครือข่ายเส้นทางบินของสายการบินฯ

นอกจากจากลงทุนในสถาบันฝึกอบรมการบินเวียตเจ็ท (Vietjet Aviation Academy: VJAA) เวียตเจ็ทยังได้ลงทุนในศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อรองรับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบินและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการนำพาเวียตเจ็ทมุ่งสู่การเป็นสายการบินระดับแนวหน้าของโลก

“เรากำลังพยายามอย่างเต็มที่โดยไม่ย่อท้อ เพราะเราทราบดีว่าอนาคตที่ดีกว่ากำลังรอเราอยู่ข้างหน้า” นาง เหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินเวียตเจ็ท กล่าวระหว่างการประชุม
 

ระหว่างการประชุม ผู้ถือหุ้นได้ลงมติผ่านข้อเสนอการจัดสรรกำไรตามมติที่ 01-2020 จากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 2563 และแผนการจัดสรรกำไรปี 2564 ในการนี้ คณะกรรมการบริหาร (BOD) ได้ชี้แจงหุ้นที่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน 25% เมื่อก่อนหน้านี้ตามมติที่ 01-2020 เพื่อให้ความสำคัญกับทรัพยากรด้านการเงินในธุรกิจขนส่งทางอากาศมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหาร (BOD) ยังจะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการจัดสรรกำไรปี 2564 อีกด้วย

เพื่อรับประกันว่าจะมีทรัพยากรเพียงพอให้เวียตเจ็ทกลับมาผงาดอย่างมั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ผู้ถือหุ้นตกลงให้คณะกรรมการบริหาร (BOD) ตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการระดมทุนก่อตั้งผ่านการจัดสรรหุ้นในวงจำกัด สูงสุด 15% ของทุนก่อตั้ง คณะกรรมการบริหาร (BOD) ยังจะพิจารณาการออกตราสารหนี้ระหว่างประเทศเป็นเงิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเสนอขายในปี 2564 – 2565 เพื่อให้เวียตเจ็ทสามารถปรับปรุงสถานภาพทางการเงินและเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

ผู้ถือหุ้นยังได้ผ่านมติแผนการเสนอขายหลักทรัพย์แก่พนักงาน (ESOP) เพื่อออกหุ้นกว่า 10 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะมีส่วนช่วยเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม เสริมสร้างพลังใจในการทำงาน และการรักษาไว้ซึ่งพนักงาน อันจะส่งผลต่อการพัฒนาของเวียตเจ็ทในอนาคต

ระหว่างการประชุม นาย ติ่น เวียต ถัง อธิบดีสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศเวียดนาม กล่าวเน้นย้ำถึงความทุ่มเทของเวียตเจ็ทในการพยายามขจัดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจระหว่างช่วงการระบาดของโรคไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเวียตเจ็ทได้กระตือรือร้นมีส่วนร่วมอย่างมากในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล รวมถึงการนำชาวเวียดนามที่ติดค้างยังต่างประเทศกลับสู่ประเทศเวียดนาม และการขนส่งอุปกรณ์ป้องกันโรคไวรัสทางอากาศ

นาย เล แอง ต๋วน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของเวียดนาม ยังได้กล่าวชื่นชมเวียตเจ็ทในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศในเวียดนาม

“กระทรวงคมนาคมมีความซาบซึ้งอย่างมากต่อวิธีการจัดการที่มีพลังและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเวียตเจ็ท ก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 เวียตเจ็ทเป็นสายการบินที่บริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพในแง่ของผลการดำเนินงาน อ้างอิงจากผลกำไรของเวียตเจ็ทในปี 2562 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน เราเชื่อว่าเวียตเจ็ทจะยังคงสามารถดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นนี้กระทั่งการสิ้นสุดของการระบาดของเชื้อไวรัส” นายเล แอง ต๋วน กล่าว

เมื่อพิจารณาถึงการนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคไวรัสโควิด-19 ในเวียดนามเมื่อเร็ว ๆ นี้ ประกอบกับสัญญาณบวกของอุตสาหกรรมการบินในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ผู้ถือหุ้นได้แสดงความเชื่อมั่นในแนวทางและทิศทางการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหาร (BOD) ความมุ่งมั่นของคณะผู้บริหาร (BOM) รวมถึงความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของพนักงานทุกคน คณะกรรมการบริหารได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำเวียตเจ็ทก้าวผ่านวิกฤติการณ์การระบาดของโรคไวรัส และมุ่งพัฒนานวัตกรรมสำหรับธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างแข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ให้สอดคล้องกับอัตราการเติบโตผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของเวียดนามที่ได้รับการคาดการณ์ถึง 6.7% และสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว

อ้างอิงจากรายงานงบการเงินประจำปี 2563  บริษัทแม่ของเวียตเจ็ทมีรายได้ที่ได้รับการตรวจสอบประจำปี 2563 อยู่ที่ 656 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจการขนส่งทางอากาศขาดทุน 62.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะที่รายได้รวมและกำไรหลังภาษีที่ได้รับการตรวจสอบแล้วอยู่ที่ 787 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ เวียตเจ็ทเป็นหนึ่งในเพียงไม่กี่สายการบินในโลกที่ยังคงประคองธุรกิจหลักให้ไปต่อได้ ทั้งยังทำกำไรในปี 2563

ทรัพย์สินรวมของเวียตเจ็ทมีมูลค่าถึง 1.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ส่วนของเจ้าของมีมูลค่าอยู่ที่ 751.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรวมถึงหุ้นทุนซื้อคืนด้วย ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.66 ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราต่ำ ขณะที่อัตราส่วนวัดสภาพคล่องอยู่ที่ 1.28 คงเดิม นับว่าเป็นอัตราส่วนที่ยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมการบิน

ในปี 2563 เวียตเจ็ทได้เปิดเส้นทางบินใหม่ภายในประเทศเวียดนามถึง 8 เส้นทาง ให้บริการผู้โดยสารกว่า 15 ล้านคน บน 79,000 เที่ยวบิน รวมชั่วโมงบินทั้งสิ้นกว่า 120,000 ชั่วโมง ทั้งยังได้รายงานอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเกิน 80% อัตราเที่ยวบินตรงเวลา 90% ซึ่งสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก นอกจากนี้ อัตราความน่าเชื่อถือทางเทคนิคของเวียตเจ็ทยังสูงถึง 99.64% โดยได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยในระดับ 7 ดาว ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด ทั้งยังได้รับการจัดอันดับจาก แอร์ไลน์เรตติ้งส์ (Airlineratings) ให้อยู่ใน 10 อันดับสายการบินโลว์คอสต์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดในโลก ประจำปี 2563

เวียตเจ็ทเป็นสายการบินแห่งแรกของเวียดนามที่ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการขนส่งสินค้าในห้องโดยสาร (CIPC) โดยได้ขนส่งสินค้าไปแล้วทั่วโลกกว่า 60,000 ตัน รวมทั้งสิ้นเกือบ 1,200 เที่ยวบินในปี 2563 โดยได้ดำเนินการขนส่งสินค้าทางอากาศอย่างยอดเยี่ยม กระทั่งได้รับรางวัล “ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าใต้ท้องเครื่องแห่งปี” และรางวัล “สายการบินโลว์คอสต์แห่งปี” จากนิตยสารเพย์โหลด เอเชีย (Payload Asia) ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำระดับนานาชาติในวงการการขนส่งสินค้า

นอกจากนี้ ในปี 2563 เวียตเจ็ทยังได้เปิดตัวศูนย์บริการภาคพื้นเวียตเจ็ท (Vietjet Ground Services Center: VJGS) ณ ท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่าย (ฮานอย) ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากในการจัดการต้นทุนของสายการบินฯ ทั้งยังช่วยปรับปรุงการรับรู้แบรนด์และคุณภาพการให้บริการของสายการบินฯ ให้ดีขึ้น

สถาบันฝึกอบรมการบินเวียตเจ็ท (Vietjet Aviation Academy: VJAA) ยังคงเปิดทำการตลอดปี 2563 ได้ฝึกอบรมพนักงานจากทุกภาคส่วนแล้วกว่า 47,386 ชั่วโมง ซึ่งในจำนวนนี้ มีไม่น้อยที่ทำการอบรมผ่านระบบออนไลน์ตามมาตรการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล

เวียตเจ็ทยังได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อการกุศล ซึ่งรวมไปถึงการจัดเที่ยวบินนำชาวเวียดนามที่ติดค้างในต่างประเทศกลับสู่ประเทศเวียดนาม และการจัดเที่ยวบินขนส่งสินค้าทางอากาศเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากพายุใต้ฝุ่นในตอนกลางของเวียดนาม นอกจากนี้ยังมีการแจกหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนชาวฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของเวียตเจ็ทในการตอบแทนสังคมและส่งต่อความปรารถนาดีทั้งต่อชาวเวียดนามเองและต่อประชาคมโลก

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 ก.ค. 2564 เวลา : 11:56:45
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 8:12 pm