หุ้นทอง
DW อีกช่องทางเลือกในการหาโอกาสทำกำไร


มองย้อนกลับไปช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดทุนในบ้านเราถือว่า เติบโตและมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องมือทางการเงินสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้น ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนสูงขึ้นต่อเนื่องอย่าง “Derivative Warrants” หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า “DW”

 
โดยในช่วงที่ผ่านมา คุณอรรถนันต์ ปิยเศรษฐ์ หัวหน้าฝ่าย Structured Products บล.บัวหลวง บอกว่า ผู้ลงทุนมีพฤติกรรมในการเก็งกำไรบนหุ้นรายตัวและดัชนี SET50 ผ่าน DW กันอย่างคึกคัก
 

ซึ่งมีข้อสังเกต คือ ผู้ลงทุนมีแนวโน้มลงทุนใน Call DW มากขึ้น ในช่วงตลาดขาขึ้น และลงทุนใน Put DW มากขึ้น ในช่วงตลาดขาลง โดยสะท้อนถึงความรู้ความเข้าใจของผู้ลงทุนในการใช้ประโยชน์จากอัตราทดของ DW ในการเพิ่มโอกาสเติบโตของพอร์ตการลงทุนได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง

“คิดว่าหุ้นจะขึ้นก็ Call - คิดว่าหุ้นจะลงก็ Put”

ขึ้นชื่อว่า เครื่องมือสำหรับเก็งกำไร DW จึงมาพร้อมระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้น นักลงทุนควรเข้าใจกลไกการลงทุนใน DW รวมถึงเทคนิคการลงทุนใน DW ให้ครบถ้วน จึงจะลงทุน DW ได้อย่างถูกต้องและยั่งยืน
 
เลือก DW ให้เหมาะ เทรดระยะสั้น เทรดระยะกลาง
 
สำหรับการเลือกลงทุน DW อย่างเหมาะสมนั้น อันดับแรก ต้องเลือกหุ้นอ้างอิงก่อนว่ามองขึ้นหรือมองลง

จริงๆ ขั้นตอนนี้ก็เหมือนการเลือกลงทุนหุ้นโดยตรง คือ มองว่ามีโอกาสขึ้นหรือลงมากกว่ากัน เพียงแต่ในยุคนี้หากนักลงทุนมองว่าหุ้นตัวหนึ่งจะลง นักลงทุนสามารถสร้างกำไรขาลงได้ด้วยการลงทุนใน Put DW

นอกจากการเลือกหุ้นอ้างอิงแล้ว สิ่งสำคัญที่ถือเป็นหัวใจในการลงทุน DW คือ

ระยะเวลาในการถือครอง DW

นั่นเพราะ DW มีต้นทุนในการถือครอง คือ มีค่าเสื่อมเวลาในการถือครองข้ามวัน ยิ่งถือ DW นานจะมีต้นทุนสูงตามไปด้วย หลายครั้งที่นักลงทุนถือ DW รอให้ราคาหุ้นอ้างอิงวิ่งไปในทิศทางที่คาดการณ์ แต่ลืมคิดถึงต้นทุนค่าเสื่อมเวลาที่เดินทุกวัน

ดังนั้น การลงทุน DW ต้องระลึกเสมอว่า ยิ่งถือสั้นยิ่งดีกับนักลงทุน เพราะสามารถควบคุมต้นทุนในการเทรด DW ได้ดีขึ้น
 
 
ทั้งนี้ หากจะแบ่งกลุ่มกลยุทธ์การลงทุน DW ด้วยระยะเวลาถือครอง DW อาจแบ่งได้ 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ

กลุ่มถือครองสั้น (1 - 2 วัน)

อาจให้น้ำหนักกับอัตราทดที่สูง และการขยับของราคา DW เทียบราคาหุ้นอ้างอิงให้ใกล้เคียง 1 ต่อ 1 (Sensitivity ใกล้ 1) เพื่อให้การขยับของราคา DW สัมพันธ์กับการถือครองที่สั้น

และกลุ่มถือครองปานกลาง (3 - 8 วัน)

ควรเลือก DW ที่มีค่าเสื่อมเวลาต่ำ เพราะจะได้มีต้นทุนในการถือครองที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ เพราะหากไปเลือก DW ที่มีค่าเสื่อมเวลาสูงและถือครองนาน จะทำให้แม้คาดการณ์ทิศทางหุ้นอ้างอิงถูกต้อง แต่ก็อาจขาดทุนจากต้นทุนการถือครองที่สูงเกินไป
 
ปัจจุบันมี DW ในตลาดกว่า 1,850 รุ่น ครอบคลุมหลักทรัพย์อ้างอิง 101 หลักทรัพย์ นั่นหมายความว่า ในหลักทรัพย์อ้างอิงหนึ่งจะมีจำนวน DW ที่มาอ้างอิง โดยเฉลี่ยประมาณ 18 รุ่น จากหลายผู้ออกในอุตสาหกรรม

จึงเป็นข้อดีของผู้ลงทุนในฐานะผู้บริโภคที่มี DW ให้เลือกหลากหลายรุ่นในหลักทรัพย์อ้างอิงหนึ่ง ทั้งความหลากหลายในแง่ฟีเจอร์และอายุคงเหลือของ DW จึงเป็นหน้าที่ของผู้ลงทุนในการเลือก DW ที่มีลักษณะ “เหมาะสม” กับกลยุทธ์ สไตล์การลงทุนตลอดจนระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังของผู้ลงทุนแต่ละคน
 
ตัวอย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง มีการออกและเสนอขาย DW01 ให้มีฟีเจอร์แตกต่างหลักๆ 2 ฟีเจอร์ คือ รุ่นปกติ ซึ่งมักจะเป็น DW01 ที่ชื่อลงท้ายด้วย A เช่น S5001C2101A ที่ถูกออกแบบมาให้มีอัตราทดสูงและ Sensitivity ใกล้ 1 แต่จะมีค่าเสื่อมเวลาสูงขึ้นตามระดับอัตราทดด้วย จึงเหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นเล่นสั้น ถือครอง 1-2 วัน หรือแม้กระทั่งซื้อขายในวัน ซึ่งต้องใช้ประสบการณ์และความชำนาญในการลงทุนสูง
 
ส่วนอีกฟีเจอร์ คือ DW01 ซีรีส์ T เช่น S5001C2102T ที่ถูกออกแบบมาให้มีค่าเสื่อมเวลาต่ำ เพื่อให้ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการ “เวลา” ในการถือครอง DW อาจจะเพื่อเกาะเทรนด์หุ้นหรือดัชนีไปด้วย DW ด้วยต้นทุนถือครองที่เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป
 
กฎเหล็กลงทุน DW มีวินัยในการลงทุน คุมความเสี่ยงให้อยู่
 
การลงทุนใน DW สิ่งที่ผู้ลงทุนทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก่าต้องทำ คือ “ดูตารางราคา” เพื่อวางแผนการลงทุนให้ชัดเจน หา “จุดเข้า-จุดออก-จุดหนี” ให้ชัดและให้ปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด
 
กล่าวคือ การลงทุนใน DW กฎเหล็กสำคัญ คือ ต้องมีวินัยในการลงทุน คุมความเสี่ยงให้อยู่ หากเป็นไปตามแผนถึงจุดที่ตั้งใจขายทำกำไร ให้ทำตามแผนที่วางไว้ หลายครั้งผู้ลงทุนถึงจุดทำกำไรแต่ขอต่อรองอีกหน่อย พอราคากลับตัวทำให้ไม่ได้ขายทำกำไร แม้ว่าสามารถคาดการณ์ทิศทางหุ้นอ้างอิงได้ถูกต้อง
 
หรือหากครั้งไหนคาดการณ์ทิศทางหุ้นอ้างอิงผิด ต้องตัดขาดทุนตามแผนที่วางไว้ เพื่อปกป้องเงินต้นให้ได้ตามแผน เพราะโจทย์ที่นักลงทุนควรตั้งคำถามกับตัวเองด้วย คือ ครั้งที่คิดผิด ทำอย่างไรให้เจ็บตัวน้อยที่สุด
 
นอกจากนี้ อยากให้วางแผนว่าจะถือครอง DW ไม่เกินกี่วันด้วย เช่น หากหุ้นอ้างอิงอยู่ที่เดิมไปอีก 5 วันจะขาย DW เพื่อตัดขาดทุน 2 ช่อง ซึ่งก็เป็นการวางแผนจากตารางราคาอีกเช่นกัน เพื่อเป็นกรอบไม่ให้ถือครอง DW ไปเรื่อยๆ รอราคาหุ้นอ้างอิงวิ่ง
 
การลงทุนใน DW ซึ่งเป็นตลาดที่เร็วและผันผวน ทำให้หลายครั้งการตัดสินใจของผู้ลงทุนหลายคนมีอารมณ์หน้างานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้ไม่สามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจริงๆ นักลงทุนสามารถกำจัดอารมณ์ออกไปได้ 100% โดยตั้งชุดคำสั่งอัตโนมัติล่วงหน้าไว้ เพื่อตีกรอบให้เป็นไปตามแผน ผ่านเครื่องมือนวัตกรรมในการส่งคำสั่งซื้อขาย

ซึ่งต้องบอกว่าในยุคนี้นักลงทุนมีทางเลือกมากมาย เช่น นักลงทุนสามารถส่งชุดคำสั่ง Conditional Order ผ่านทางแอปพลิเคชัน Trade Master ได้ คือ ตีกรอบบน - ล่าง ขายตามแผน ถ้าถูกทางก็ขายทำกำไร หรือถ้าผิดทางก็ตัดขาดทุนในระดับที่วางไว้ เพื่อควบคุมและกำกับการลงทุนใน DW ให้ผลลัพธ์เป็นไปตามแผนซึ่งจะเป็นผลดีในระยะยาวในการเทรด DW
 
ดังนั้น หัวใจสำคัญของการลงทุน DW นอกจาก “สติและวินัย” แล้วยังต้องรู้จักเลือก DW ให้เหมาะกับสไตล์ตัวเองอีกด้วย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ก.ค. 2564 เวลา : 16:26:04
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 8:13 pm