ไลฟ์สไตล์
ล้ำค่าเหนือกาลเวลา ''2 แสตมป์แห่งเดือนมหามงคล''


เรื่องราวอันทรงคุณค่ามักถูกบันทึกลงใน “สื่อทางศิลปะ” หลากหลายรูปแบบ ซึ่งแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม และได้กลายเป็นสิ่งสะสมของใครหลายๆ คนก็คือตราไปรษณียากรหรือ “แสตมป์” สิ่งของสะสม สุดคลาสสิกที่คนทั่วโลกให้ความนิยมมากกว่าร้อยปี และสำหรับในเดือนกรกฎาคมนี้ ผู้ดำเนินการออกแบบและ ผลิตแสตมป์ของไทยอย่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ก็ได้มีการจัดทำแสตมป์เพื่อเฉลิมฉลองเดือนมหามงคล ทั้ง 2 ชุด ที่เป็นงานศิลปะอันทรงคุณค่า และเป็นเรื่องราวที่สำคัญต่อประวัติศาสตร์ของคนไทย ได้แก่ แสตมป์ที่ระลึกวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และชุดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชเจ้าในรัชกาลที่ 10


ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ถึงแม้ยุคดิจิทัล ความนิยมในการสะสมตราไปรณียากรจะลดลงไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า “แสตมป์” ยังเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเก็บสะสมอยู่เสมอ เนื่องจากแสตมป์เป็นหนึ่งในสื่อที่ช่วยบันทึกประวัติศาสตร์ และมีคุณค่าไม่แพ้ของสะสมหายากประเภทอื่น และเนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปรษณีย์ไทยจึงได้จัดสร้างแสตมป์ที่ระลึกชุดวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยภาพเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ในพระราชพิธีอันสำคัญยิ่ง พร้อมด้วยแสตมป์ชุดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชเจ้าในรัชกาลที่ 10 เพื่อเป็นที่ระลึกให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสสำคัญที่เดือนนี้มีวันสำคัญทางพุทธศาสนาถึง 2 วัน คือ วันอาสาฬหบูชา และ วันเข้าพรรษา ไปรษณีย์ไทยอยากให้คนไทยได้เรียนรู้เรื่องราวของผู้นำศาสนา อันเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์สงฆ์ไทย ผ่านแสตมป์ชุดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชเจ้าในรัชกาลที่ 10
 

·แสตมป์ที่ระลึกวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

หลายคนคงมีโอกาสได้เห็นหรือร่วมในพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อช่วงปี 2562 ซึ่งในวันนี้ภาพประวัติศาสตร์ที่ทุกคน เคยเห็นจะกลับมาอีกครั้ง ผ่านการบันทึกลงในแสตมป์ที่ระลึกวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิร เกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน 2 แบบ ถ่ายทอด 2 เหตุการณ์สำคัญในช่วงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ครั้งเสร็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาทเพื่อรับการถวายพระพรชัยมงคลจากพสกนิกรชาวไทย และขณะประทับพระราชยานพุดตานทอง เสด็จริ้วขบวนราบยาตราไปยังพระบรมมหาราชวัง เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค พร้อมให้ทุกคนได้สะสมเป็นที่ระลึกในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้  
 

นางสาวมยุรี นาคนิศร ผู้ออกแบบแสตมป์ชุดดังกล่าว เล่าว่า แสตมป์ทั้ง 2 แบบ มีความแตกต่างที่ชัดเจนในแง่อารมณ์ความรู้สึก โดยพระบรมฉายาลักษณ์แรกจะให้ความรู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น ขณะพระองค์ท่านโบกพระหัตถ์พร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ ส่วนแบบที่ 2 เป็นการเน้นที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบร้อยปีที่จัดให้มีขึ้นหลังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หลังเว้นว่างไปสองรัชกาล  
 
  

· แสตมป์ชุดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชเจ้าในรัชกาลที่ 10

อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์สงฆ์ไทย ที่มีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชฐานันดรศักดิ์สามัญชนขึ้นเป็น "สมเด็จพระสังฆราชเจ้า" เนื่องในโอกาสมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฏาคม 2562 โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้า 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ์ (วาสน์ วาสใน) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวัฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร และเป็นครั้งแรกที่เป็นการสถาปนาให้แก่สมเด็จพระสังฆราชในพระบรมโกศหรือที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว หลังจากที่เคยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้ามาแล้ว 2 พระองค์คือสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ และ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์
 

นายธเนศ พลไชยวงศ์ ผู้ออกแบบแสตมป์ดังกล่าว กล่าวว่า งานออกแบบในครั้งนี้ค่อนข้างมีความท้าทาย เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้าทั้ง 2 พระองค์ ดำรงพระชันษาคนละสมัยกัน ทำให้มีความห่างของระยะเวลาการสวรรคตราว 30 ปี ส่งผลให้ความคมชัดของพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีอยู่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ด้วยคุณภาพของการใช้สีและวัสดุ (ของภาพ) ในแต่ละช่วงเวลา จึงต้องแก้ปัญหาโดยการวาดแสตมป์ด้วยเทคนิคสีน้ำขึ้นใหม่ เพื่อให้ชิ้นงานทั้งสอง มีคุณภาพและลายเส้นที่ล้อกัน นอกจากนี้ ยังได้ออกแบบการจัดวางอิริยาบถใหม่ให้อยู่ในท่านั่งสมาธิพร้อมมีตาลปัตรพัดยศแสดงถึงสมณศักดิ์อยู่ด้านข้างเหมือนกัน เนื่องจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้าทั้ง 2 พระองค์ประทับในต่างวัดกัน โดยกรมหลวงชินวราลงกรณ์ (วาสน์ วาสใน) ประทับ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวัฑฺฒโน) ประทับ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร มีสีจีวรแตกต่างกัน จึงต้องทำการปรับแต่งภาพพื้นหลังลงด้วยโทนสีอ่อน เพื่อทำให้รายละเอียดในส่วนจีวรโดดเด่นขึ้น

ทั้งนี้ มีกำหนดวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2564 นี้เป็นต้นไป โดยผู้ที่ชื่นชอบการสะสมแสตมป์สามารถหาซื้อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ไทยทุกแห่งทั่วประเทศ และทางออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมทางไลน์ @stampinlove

LastUpdate 29/07/2564 17:30:34 โดย : Admin
20-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 20, 2024, 3:06 pm