คาดการณ์ว่าในปี 2030 ทั่วโลกจะมีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนถนนมากถึง 145 ล้านคัน (ที่มา: International Energy Agency) ขณะที่ประเทศไทย คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ก็ตั้งธงไว้ว่าภายในปี 2035 เตรียมยกเลิกการขายรถยนต์น้ำมัน พร้อมสนับสนุนให้ไทยกลายเป็นศูนย์กกลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลก
ด้วยแนวโน้มการเติบโตที่ได้เห็นนี้ คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า” คือเมกะเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะตอบโจทย์ทั้งเรื่องความคุ้มค่าในการใช้งาน, การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม, ลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานจากฟอสซิล รวมถึงโอกาสในการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ของหลายประเทศ
คำถามคือถ้าไม่อยากพลาดโอกาสการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตไปกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Car มีธุรกิจไหนบ้างที่ควรศึกษาและทำความเข้าใจ วันนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงรวบรวมกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ที่มีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้า โดยสรุปมาให้นักลงทุนเห็นภาพกันชัด ๆ แบบเข้าใจง่าย
1.กลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน
รถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แทนการใช้เครื่องยนต์ที่มีการเผาไหม้ภายใน หรือที่เรียกกันว่า "สันดาป" ดังนั้นกลไกสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าจึงอยู่ที่ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรีคุณภาพสูง
สำหรับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน คือแบตเตอรี่พลังงานสะอาดที่ถูกคิดค้นเพื่อนำมาทดแทนแบบเดิมที่เป็นตะกั่วกรด ซึ่งเหมาะกับการใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า เพราะน้ำหนักเบา อายุใช้งานนาน และถูกยอมรับว่าเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานที่ดีที่สุดในเวลานี้
ตลาดหุ้นไทยเองก็มีบริษัทที่ลงทุนในธุรกิจแบตเตอรีลิเธียมไอออน ทั้งที่มีโรงงานในประเทศไทย และโครงการลงทุนเหมืองลิเทียมในต่างประเทศ อาทิ DELTA, EA, GPSC, BANPU, BPP และ BCPG เป็นต้น
2.ผู้ให้บริการสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า
สถานีชาร์จพลังงานยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charger ถือเป็นบริการปลายน้ำที่ต่อยอดมาจากการเติบโตของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันเราเริ่มเห็นทางภาคเอกชนทยอยติดตั้งสถานีชาร์จมากขึ้นแล้วในบางพื้นที่ เช่น สถานีบริการน้ำมัน ที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า รวมถึงหลายบริษัทก็อยู่ระหว่างการศึกษาแผนเข้าลงทุนสถานีชาร์จไฟในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น PTT, OR, BCP, CPALL, FORTH, EA และ DELTA
3.ผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบยานยนต์
ผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์จะมีทั้งคนที่ได้ผลบวก และเจอผลกระทบเชิงลบ อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่ จะเป็นกลุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนที่ใช้กับเครื่องยนต์สันดาป แต่เป็นบริษัทที่ประกอบชิ้นส่วนอื่น ๆ ได้แก่ ชิ้นส่วนพลาสติก เบาะ ยาง โคมไฟ ระบบปรับอากาศ
สำหรับหุ้นผลิตชิ้นส่วนประกอบยานยนต์ EV 100% ประกอบด้วย EPG, TKT, FPI, PACO, AH, HFT, PCSGH และ TRU ขณะที่กลุ่มที่เป็น Hybrid/plug-in ก็จะมีหุ้น STANLY และ GYT เป็นต้น
4.ผู้ผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีความสำคัญมากกับอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วย โดยบริษัทผู้ผลิตแผ่นวงจรอิเลคทรอนิกส์ภายในรถยนต์ที่เรารู้จักกันดีก็อย่างเช่น KCE, HANA, DELTA
5.ผู้ประกอบรถโดยสาร EV Car
อีกกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการเติบโตของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย นั่นคือ ผู้ประกอบรถโดยสาร EV Car อาทิ รถบัสไฟฟ้า มินิบัสไฟฟ้า และรถตู้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนให้ใช้รถโดยสารประจำทางของภาครัฐ โดยบริษัทที่ประกอบธุรกิจนี้ในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ NEX, CHO, CWT และ EA
อย่างไรก็ดี บทความนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างหุ้นที่มีโอกาสรับผลประโยชย์จากเทรนด์ยานยนต์ในอนาคต เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น
ข่าวเด่น