หุ้นทอง
10 หุ้น สร้างรายได้และกำไรสุทธิโดดเด่นสม่ำเสมอ


คำแนะนำจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ในช่วงนี้ ส่วนใหญ่จะแนะนำว่าให้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน หรือไม่ก็ให้ขายหุ้นที่มีกำไร จากนั้นให้รอคอยตลาดหุ้นลดความผันผวนแล้วค่อยกลับเข้ามาลงทุน หรือที่เรียกว่า Wait & See

 
คุณฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบอกว่า ดังนั้นหากนักลงทุนยังคงต้องการลงทุนในหุ้นไทยก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และพยายามเลือกหุ้นที่มีความทนทานต่อความผันผวนได้ดี พูดง่าย ๆ คือ ต้องเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งสุด ๆ เก็บเข้าพอร์ตลงทุน
 
ถ้าจะพูดถึงความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจ ปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนต้องพิจารณา ก็คือ ยอดขาย (หรือรายได้) และกำไรสุทธิ โดยธุรกิจที่ดีที่น่าลงทุนควรมียอดขายหรือรายได้เติบโตต่อเนื่อง เช่น เติบโต 5 ปีต่อเนื่องติดต่อกัน สะท้อนว่ายังมีการเติบโตและยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว และไว้วางใจได้ว่าในอนาคตจะยังคงมียอดขายหรือรายได้เพิ่มขึ้นได้อีก
 
เช่นเดียวกับกำไรสุทธิก็ต้องเติบโต ที่สำคัญไม่ควรขาดทุนสุทธิ หมายความว่า ธุรกิจต้องสร้างกำไรสุทธิให้เติบโตขึ้นต่อเนื่องสม่ำเสมอ หากทำได้จะแสดงถึงความสามารถในการบริหารงาน ทั้งในด้านการควบคุมต้นทุนการผลิต การตลาด การแข่งขัน ระดับหนี้สิน และความเอาใจใส่ของทีมผู้บริหารต่อการดำเนินธุรกิจ
 
การดูว่าธุรกิจนั้นมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจหรือไม่ ต้องดูที่กำไรที่เกิดจากการขายสินค้าและบริการหลักของกิจการ (Core Business) ไม่ใช่กำไรที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว เช่น กำไรจากการขายที่ดิน ขายเครื่องจักร นั่นคือ ต้องมองให้เห็นภาพอนาคตของการเติบโตในระยะยาว ต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการเติบโต จุดแข็ง และความสามารถในการแข่งขัน
 
โดยหุ้นที่จะเลือกลงทุนควรมีความสามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่งและทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดเพื่อจะได้มีส่วนแบ่งในตลาดมาก แน่นอนว่าอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเบอร์ 1 ของตลาด แต่ต้องมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
 
ส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนจะดูการเติบโตของยอดขายและกำไรสุทธิเป็นรายปี เช่น บริษัท XYZ มียอดขายเติบโต 5 ปีติดต่อกัน และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน (ห้ามขาดทุนสุทธิ)
 
ท่ามกลางความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น ถ้านักลงทุนสามารถหาบริษัทที่ทำกำไรเติบโตขึ้นเป็นรายไตรมาสติดต่อกันด้วย ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ เพราะกำไรสุทธิในแต่ละไตรมาสทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นในกำไรสะสมและส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นในสินทรัพย์ สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจสม่ำเสมอ โดยกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าการดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่งและน่าเชื่อถือ
 

เงื่อนไขในการคัดกรอง

1. กำไรสุทธิไตรมาส 1 – ไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นบวก (ไม่ขาดทุน)
2. กำไรสุทธิไตรมาส 1 – ไตรมาส 2 ปี 2564 เป็นบวก (ไม่ขาดทุน
3. กำไรสุทธิตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2563) เป็นบวก (ไม่ขาดทุน)
4. รายได้รวมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2563)
5. กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 5 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2563)
 
โดยทฤษฎีแล้วหากธุรกิจมีการเติบโตด้านผลการดำเนินงาน ราคาหุ้นจะปรับขึ้นตามและมีโอกาสได้รับเงินปันผลอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ยอดขายและกำไรสุทธิเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาซื้อหุ้นเท่านั้น ก่อนตัดสินใจลงทุน นักลงทุนต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ ประกอบด้วย
 
หมายเหตุ : การคัดกรองหุ้นในบทความนี้ใช้เพื่อศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ต.ค. 2564 เวลา : 16:12:05
25-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 25, 2024, 7:40 am