คริปโตเคอเรนซี่
Scoop : วัดความกลัวและความโลภของคนในตลาดคริปโต ด้วย ''Fear & Greed Index'' มือใหม่รู้ก่อน มีชัยไปกว่าครึ่ง!



 
ในโลกของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนใน Digital Asset หรือเหรียญคริปโต ที่มีความผันผวนสูงนั้น สิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถอยู่รอดได้ภายในตลาด คือ การจัดการบริหารพอร์ตตามแผนของตัวเอง หรือที่เรียกว่า “Plan Your Trade, Trade Your Plan”(วางแผนการเทรด และเทรดตามแผนนั้น) ให้พอร์ตของเราเติบโต มีความสามารถในการทำกำไรและคงเงินต้นของตัวเองไม่ให้หดหาย แต่ในความเป็นจริงนั้น ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถวางแผนได้ถูกทาง 100% ในเมื่อราคาของเหรียญคริปโตมีขึ้นและมีลง มูลค่าในพอร์ตของเราบางทีก็มีขึ้นมีลงเช่นกันเป็นธรรมดา ซึ่งในหลายๆ ครั้ง เมื่อเกิดการเทรดผิดทาง หรือบางคนที่ไม่มีการวางแผนการเทรดใดๆ เลย สิ่งที่เรียกว่า “อารมณ์” นั้น จึงได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการตัดสินใจที่จะซื้อหรือขายเหรียญนั้นๆ โดยเราสามารถนิยามสิ่งนี้ได้ว่าเป็น “สภาวะอารมณ์ของตลาด” ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน ถ้าหากพฤติกรรมการเทรดเรานั้นโอนอ่อนไปตามทิศทางอารมณ์ของตลาด หรือทำแบบเดียวกับคนส่วนใหญ่ในตลาด เพราะก็มีกลุ่มคนที่สามารถมองอารมณ์ของตลาดออก ยิ่งถ้าบุคคลนี้มีการ Hold เหรียญจำนวนมาก มีกำลังการลงทุนที่สูงพอที่จะสามารถชักจูงราคาเหรียญคริปโตในตลาดให้ขึ้นหรือลงได้ตามการซื้อขายของเขา หรือศัพท์ในวงการเรียกบุคคลในลักษณะนี้ว่า “Whale” ก็สามารถชิงทำกำไร เช่นเมื่อเห็นว่าตอนนี้อารมณ์ของตลาดกำลังโลภ คนในตลาดต่างแย่งกันจับจองเป็นเจ้าของ Bitcoin อยู่ จนมูลค่าของเหรียญมันทะยานขึ้นสูง วาฬก็ใช้โอกาสนี้ทำการเทขาย Bitcoin ที่เขามีอยู่มหาศาลในจุดราคายอดสูงดังกล่าว ส่งผลให้คนในตลาดที่ใช้อารมณ์นำทางลงทุน ต่างกลายร่างเป็นแมงเม่าติดอยู่บนยอดดอยทันที ถ้าผู้อ่านไม่อยากลงเอยแบบนั้น ทาง “AC News” เลยอยากจะขอจูงมือทุกคนมารู้จักกับเพื่อนคนใหม่ ที่มีชื่อว่า ”Crypto Fear and Greed Index” ซึ่งถ้าเราได้ศึกษาทำความเข้าใจนิสัยใจคอของเขาแล้ว เราอาจได้กัลยามิตรที่ดี มาคอยช่วยเหลือและแนะนำทิศทางการลงทุนในโลกคริปโตให้เราก็เป็นได้


”Crypto Fear and Greed Index” หรือเรียกเป็นภาษาไทยว่า “ดัชนีวัดความกลัวและความโลภในตลาดคริปโต” เป็นดัชนีชี้วัดที่เราสามารถใช้ในการประเมินสภาวะตลาดคริปโต เพื่อประกอบการตัดสินใจในการซื้อหรือขาย เพราะสิ่งนี้จะแสดงถึงอารมณ์ของคนในตลาดว่ามี “ ความกลัว” หรือ “ความโลภ” อยู่ในระดับเท่าใด โดยจะมีค่าความกลัวและความโลภอยู่ใน Score ตั้งแต่ 0-100 แบ่งเป็นระดับ ดังนี้

0-25 (Extreme Fear) บ่งบอกถึงสภาวะที่นักลงทุนหรือตลาดมีความกลัวขึ้นสมองขั้นสุด เกิดจากระดับราคาเหรียญในตลาดลดลง มีการขาดทุนมาก แรงขายสูง

26-49 (Fear) บ่งบอกถึงสภาวะที่นักลงทุนหรือตลาดยังมีความกลัวอยู่ แต่ยังไม่ร้ายแรงเท่า Extreme Fear

50 (Neutral) บ่งบอกถึงสภาวะที่นักลงทุนหรือตลาดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

51-74 (Greed) หมายถึง สภาวะที่นักลงทุนหรือตลาดมีความโลภ

75-100 (Extreme Greed) หมายถึง สภาวะที่นักลงทุนหรือตลาดมีความโลภขั้นสุด ตลาดคริปโตตั้งแผงขายดี เพราะเกิดการ FOMO (Fear of Missing Out)  ผู้คนต่างกลัวการตกขบวนรถ กลัวว่าราคาเหรียญจะไปสูงกว่านี้ จึงมีแรงซื้อที่มาก
 
-แล้วเราเชื่อได้ไหม? มีการวัดเอาตัวเลขพวกนี้มาจากไหน?

Fear and Greed Index นี้ ถูกคิดค้นขึ้นโดย CNNMoney (ภายใต้สำนักข่าว CNN) นำไปใช้วัดสภาพในตลาดหุ้น (ดัชนี S&P 500) ปัจจุบันได้ถูกนำไปใช้กับตลาดการลงทุนหลายแห่ง ซึ่งทาง Alternative.me ได้นำดัชนีนี้มาปรับใช้กับตลาดคริปโต เพื่อวัดสภาพอารมณ์ของผู้คนในตลาดถึงความกลัวและความโลภในเหรียญคริปโต อีกทั้งยังแสดงให้เห็นได้ว่าสภาวะตลาดกำลังอยู่ในขาขึ้นหรือขาลง โดยจะวัดจาก Bitcoin เพียงตัวเดียวเท่านั้น (เนื่องจากในตลาดคริปโต Bitcoin ถือได้ว่าเป็นเหรียญแม่และมีอิทธิพลต่อเหรียญอื่นๆ ส่วนใหญ่ในตลาด ซึ่งมีราคาที่สัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกับราคาของ Bitcoin) ประกอบไปด้วย 6 ปัจจัยในการคำนวณ ดังนี้

1.ความผันผวน (Volatility) 25% คำนวณจากความผันผวนในอดีต 30 และ 90 วัน เพื่อเปรียบเทียบถึงความผันผวนของตลาดในปัจจุบัน หากยิ่งมีความผันผวนมากเท่าไหร่ สภาวะตลาดก็จะยิ่งเข้าใกล้ไปทางฝั่งความกลัว นั้นก็คือระดับ Fear และ Extreme Fear มากขึ้นเท่านั้น

2.โมเมนตั้มและวอลุ่ม (Market Momentum and Volume) 25% หรือก็คือปริมาณการซื้อขายในตลาด หากมีปริมาณการซื้อขายมากเท่าใด สภาวะอารมณ์ตลาดก็จะยิ่งเข้าสู่สภาวะ Greed หรือความโลภมากขึ้นเท่านั้น 

3.โซเชียลมีเดีย (Social Media) 15% เก็บข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ Twitter หากมีการกล่าวถึงมากหรือมีกระแสมาก ก็ยิ่งเข้าสู่สภาวะ Greed มากขึ้นเท่านั้น

4.ผลสำรวจ (Survey) 15% เป็นแบบสำรวจที่สอบถามนักลงทุนคริปโตและบุคคลทั่วไป ปัจจุบันปัจจัยที่นำมาใช้ในการคำนวณนี้ถูกระงับชั่วคราว เนื่องจากไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร

5.ส่วนแบ่งตลาด Bitcoin (Bitcoin Dominance) 10% ดูการถือครองของเหรียญ Bitcoin  หากส่วนแบ่งของ Bitcoin ลดลง แสดงว่าตลาดโยกเม็ดเงินไปลงทุนกับเหรียญ “Alt Coin” (เหรียญอื่นๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin) ซึ่งแสดงถึงผู้คนหันมาเก็งกำไรเพื่อหวังผลตอบแทนจากการเติบโตของเหรียญนั้นๆ ที่มี % การเติบโตมากกว่าการถือครองเหรียญ Bitcoin บ่งบอกถึงสภาวะตลาดกำลังเข้าสู่ระดับ Greed มากขึ้น

6.เทรนด์ (Trend) 10% ดูยอดการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin บน Google ยิ่งมีการค้นหามาก ก็จะนำไปสู่ระดับ Greed มากขึ้นเท่านั้น

-แล้วจะนำไปใช้อย่างไรดี

นักลงทุนชื่อดังที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกอย่าง Warren Buffet (วอร์เร็น บัฟเฟตต์) เคยกล่าวไว้ว่า “Be fearful when others are greedy and greedy when others are fearful” จงกลัวในเวลาคนอื่นโลภ และจงโลภในเวลาที่คนอื่นกลัว ซึ่งเป็นคำแนะนำที่มีความผกผันกับสภาวะอารมณ์ของตลาดคริปโต ที่วัดได้จาก Crypto Fear and Greed Index อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า ในตลาดนั้นยังมีบุคคลที่เรียกว่า “Whale” ซึ่งสามารถ Manipulate ตลาด ชักจูงราคาขึ้นลงและเสกให้พอร์ตของเรามีมูลค่าลดลงได้ หากเราเป็น 1 ในคนที่ใช้อารมณ์มาตัดสินการเทรด ทำตามที่คนส่วนใหญ่ในตลาดทำ ฉะนั้นทางที่ดีที่จะรักษาความมั่งคั่งในพอร์ตของเราให้ปลอดภัยก็อาจพิจาณาใช้ดัชนีชี้วัดดังกล่าวมาประกอบการตัดสินใจ ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูได้ทางเว็บไซต์ https://alternative.me/crypto/fear-and-greed-index/ หากสภาวะตลาดเข้าสู่สภาวะ Extreme Greed หรือผู้คนต่างโลภขั้นสุด เกิดการ FOMO แย่งเข้าซื้อกันฉุกละหุกเพราะกลัวการตกขบวน เราอาจพิจารณาทำสิ่งตรงกันข้าม นั่นก็คือ การหาทางขายเหรียญของเราที่มูลค่าของมันกำลังทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ TP หรือ Take Profit เพื่อรักษากำไรของเราไว้ก่อน เพราะในความเป็นจริงหากเราไม่ใช่นักทำนายอนาคต มันก็ไม่มีใครที่จะสามารถล่วงรู้ได้ว่าเพดานราคาของเหรียญจะไปสุดอยู่ที่ตรงไหน การทำการขายในราคาที่สูงที่สุด และเขาซื้อในราคาต่ำที่สุด จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกัน หากสภาวะตลาดเบนเข้าไปยังขั้น Extreme Fear หรือมีความกลัวขั้นสุด ก็อาจพิจารณาหาจังหวะในการเข้าช้อนซื้อเหรียญนั้นๆ เก็บไว้
 

พิจารณาจากกราฟดัชนี Crypto Fear & Greed ในช่วงพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ปี2564 เกิดการปรับฐานครั้งใหญ่ของ Bitcoin ที่ราคาปรับลดลงมาต่ำถึง 29,278 ดอลลาร์สหรัฐ เหรียญ Alt Coin ต่างโดนเททุบลงมา ซึ่งเป็นสภาวะซบเซาที่ตลาดมีความกลัวขั้น Extreme Fear จากช่วงก่อนหน้าในเดือนเมษายน ที่อารมณ์ตลาดต่างมีความโลภขั้นสุด หรือ Extreme Greed ที่ราคา Bitcoin ขึ้นไปทำสถิติ All Time High อยู่ที่ประมาณ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ลองจินตนาการว่า หากผู้อ่านเป็นคนที่ทำตามตลาด ใช้อารมณ์ในการเทรด ช่วงเวลานั้นเราก็คงอยู่บนยอดดอย กำไรที่เราคิดว่าจะได้ก็เป็นได้แค่กำไรทิพย์ เพราะเราไม่ยอม TP ออกมานั่นเอง

Crypto Fear & Greed Index เพื่อนใหม่ที่ทาง “AC News” ได้แนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักนี้ ต้องบอกก่อนว่า เป็นเพียงเครื่องมือทางเทคนิคที่เอามาช่วยใช้ในการพิจารณาประกอบการตัดสินใจที่แสดงให้เห็นถึงสภาวะอารมณ์ความกลัวและความโลภเท่านั้น ไม่ใช่เครื่องมือที่สามารถทำนายอนาคตได้แม่นยำว่า เมื่อเกิดสภาวะ Extreme Greed แล้ว เราต้องเชื่อ 100% ทำการขายออกไปทันที ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณ ศึกษาปัจจัยด้านอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม เพื่อได้วิเคราะห์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น

LastUpdate 15/01/2565 15:24:44 โดย : Admin
19-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 19, 2024, 11:31 pm