คริปโตเคอเรนซี่
Special Report : ทำความรู้จัก Ethereum EP.2: Ethereum Layer 2 ฉบับย่อยง่าย มือใหม่ก็เข้าใจได้



จากบทความ EP แรก เริ่มใน “ทำความรู้จัก Ethereum EP.1: Blockchain Trilemma คุณสมบัติพื้นฐาน 3 ประการมือใหม่ควรรู้” ทาง “AC News” ได้พาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับฟีเจอร์ทั้ง 3 ที่สำคัญในเทคโนโลยี Blockchain อันได้แก่ Security ความปลอดภัย, Scalability ความสามารถในการขยายขนาดของเครือข่าย และ Decentralization การกระจายศูนย์ ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่มี Chain ไหนที่จะสร้างสมดุล คุณสมบัติสามเหลี่ยมทั้ง 3 มุม ไปยัง Blockchain ของตนได้ เลือกได้สูงสุดเพียง 2 องค์ประกอบเท่านั้น ประเด็นมันเลยอยู่ตรงที่ Chain ของ Ethereum ที่มีจุดเด่นในเรื่องของความเป็น Decentralization จึงต้องแลกมากับข้อด้อยในเรื่อง Scalability หรือการทำธุรกรรมที่ช้า ติดขัด และที่สำคัญเก็บค่า Gas ในจำนวนมหาโหด ซึ่ง Ethereum ก็รับรู้ดีถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้กำลังพัฒนา Ethereum 2.0 หรือการเปลี่ยนระบบจาก Proof of Work ไปเป็นระบบ Proof of Stake แต่กว่าจะแล้วเสร็จก็อาจกินเวลาไปถึง 2-4 ปีข้างหน้า จึงได้มีการพัฒนา Ethereum Layer 2 เข้ามาแก้ปัญหาในระยะสั้น-ระยะกลางนี้ก่อนที่ Ethereum 2.0 จะเข้ามาแล้วค่อยรวมร่างกัน กลายเป็น Chain Ethereum ร่างสมบูรณ์ที่ทรงพลังในอนาคต

-Ethereum Layer 2 คืออะไร ? 

Ethereum Layer 2 เป็นการสร้าง Blockchain แยกออกจากตัวของ Ethereum Layer 1 แต่ถูกสร้างขึ้นมาให้ทำงานร่วมกัน เป็นการ Scaling Solution หรือเป็นการลดค่า Gas และขยายขนาดของการทำธุรกรรมให้เร็วมากยิ่งขึ้น 

จาก Layer 1 ที่สามารถทำธุรกรรมได้เพียง 15-45 Transaction/วินาที ในตัวของ Layer 2 นั้นจะเหมือนเป็นการสร้างทางด่วนขึ้นมาบนถนนสายหลักที่สามารถเอื้อต่อการทำธุรกรรมได้ถึง 1,000-4,000 Transaction/วินาที

-มี Ethereum Layer 2 แล้ว Ethereum Layer 1 ล่ะคืออะไร ไปอยู่ไหนแล้ว ?

Ethereum Layer 1 ก็คือ Ethereum Chain หลัก (หรือที่เรียกว่า Ethereum Mainnet chain) ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้เอง ซึ่งจริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย Blockchain เจ้าไหนก็ตาม อย่างทั้ง Ethereum, Bitcoin หรือ Polkadot ที่เราใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน จะเรียกได้ว่าเป็น Blockchain Layer 1 ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นตัวตั้งต้นของระบบ Blockchain หรือจะเรียกได้ว่าเป็นร่างจุติ เป็นถนนเส้นหลักในยุคแรกที่ธุรกรรมต่างๆ ต่างต้องเดินทางผ่านมายังถนนเส้นนี้

-แล้วข้อแตกต่างระหว่าง Ethereum 1.0, 2.0 กับ Ethereum Layer 1 ,Layer 2 ทำไมตั้งชื่อแยกกัน ฟีเจอร์มันซ้ำซ้อนกันรึเปล่า ?

การพัฒนา Ethereum จาก 1.0 ไปยัง 2.0 นั้น Founder อย่าง Vitalik และ Co-founders ของ Ethereum Mainnet Chain จะเป็นคนพัฒนาขึ้นมา โดยเปลี่ยนจากระบบ Proof of Work ที่ใช้การขุดด้วยพลังงานไฟฟ้า ไปเป็นระบบ Proof of Stake (2.0) ที่ใช้การค้ำประกัน หรือ Staking แทน ซึ่งจะทำให้มันรองรับการทำธุรกรรมได้มากขึ้น ไม่ติดขัดเหมือนที่แล้วมา และค่า Gas ก็ถูกลง เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดแบบยั่งยืน ส่วนการพัฒนา Ethereum Layer 1 ไปเป็น Layer 2 นั้น ก็มีจุดประสงค์เดียวกับการพัฒนาเป็น Ethereum 2.0 ที่ต้องการทำขยายขนาดการทำธุรกรรมและลดค่า Gas เช่นกัน แต่กระบวนการแก้ปัญหาจะมีวิธีที่แตกต่างกัน ก็คือเป็นการสร้างอีก Blockchain หนึ่งขึ้นมาเลย แต่สามารถทำงานร่วมกันได้ คิดภาพง่ายๆ ว่า Ethereum Layer 2 ก็เหมือนกับการสร้างทางด่วนขึ้นมาจากถนนเส้นหลัก (Layer 1 ) เพื่อระบายรถที่เบียดเสียดกันหนาแน่นในขณะนั้น ให้ออกตัวไปยังจุดหมาย(ทำธุรกรรมสำเร็จ) โดยไม่ต้องใช้เวลานานและเปลืองค่าน้ำมันโดยใช่เหตุอีกต่อไป 

โดยถ้าหาก Ethereum 2.0 พัฒนาได้เสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ Ethereum Layer 2 ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องตกกระป๋องไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้น คือ เราจะเห็นการรวมร่างกัน ทำให้จากที่ Ethereum Layer 2 มีการ Scale Transition ที่สามารถยืนยันธุรกรรมได้ 1,000-4,000 Transaction/วินาที ความเร็วจะถูกอัพเกรดเพิ่มขึ้น 100X ทันที เป็นไปถึงประมาณหลัก 100,000 Transaction/วินาที หลังการพัฒนา Ethereum 2.0 ที่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกโปรเจคที่เกิดขึ้นของ Ethereum Layer 2 ทุกตัวที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจะได้ไปต่อ มีเพียงแค่ผู้ชนะ 1 เดียวเท่านั้น ที่จะได้รับอภิสิทธิ์ หรือเปลี่ยนไปเป็นระบบ Proof of Stake ตาม Ethereum 2.0 โดยจะต้องดูจากจำนวนพื้นฐานผู้ใช้งาน และการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพและโดดเด่นมากที่สุดเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันนี้มีโปรเจค Layer 2 ที่เป็นผู้เข้าชิงอยู่หลากหลายตัวด้วยกัน แต่ที่โดดเด่นและกำลังห้ำหั่น ก็เห็นจะเป็นศึกระหว่าง Optimism และ Arbitrum โดยทั้ง 2 ตัวนี้ จะจัดอยู่ใน Ethereum Layer 2 ประเภท Optimistic Rollup ที่ Layer 2 ทำงานร่วมไปกับ Layer 1
 
-เทคโนโลยี Optimistic Rollup คืออะไร ?


ก่อนจะลงรายละเอียดไปยังเทคโนโลยี Optimistic Rollup ทาง “AC News” อยากสร้างความเข้าใจก่อนว่า จริงๆ แล้ว Ethereum Layer 2 นั้น มีอยู่หลายประเภท ทั้งประเภทที่ Layer 2 ทำงานร่วมกันกับ Layer 1 กับประเภทที่เป็นอิสระต่อกัน ต่างคนต่างทำงานของตัวเอง ซึ่งคำศัพท์ที่ทุกควรควรเข้าใจกันก่อน คือ คำว่า Off-Chain และ On-Chain

• Off-Chain Transaction ที่เกิดขึ้นจะถูกบันทึกใน Blockchain ที่แยกจากตัว Ethereum Mainnet Chain (ตัว Ethereum หลัก Layer 1) เปรียบเสมือนถนนคู่ขนานที่ไม่สามารถเดินทางมาบรรจบกันได้ ซึ่งอาจทำธุรกรรมได้รวดเร็วและค่า Gas ถูกลงก็จริง แต่จะไม่มีความปลอดภัย และความ Decentralization เท่ากับการมาบันทึกลงใน Ethereum ตัวหลักได้

• On-Chain เหมือนกับเป็นการสร้างทางด่วนขึ้นบนถนนสายหลัก (ตัว Ethereum หลัก Layer 1) ที่สุดท้ายแล้วทางด่วนเส้นนั้นก็จะต้องมีทางลงไปบรรจบกับปลายทางของถนนเส้นหลัก Transaction ที่เกิดขึ้น สุดท้ายแล้ว ก็จะถูกบันทึกลงใน Ethereum Mainnet Chain ได้ทั้งความรวดเร็ว เปลืองน้ำมันน้อยลง และยังคงรักษาความปลอดภัยในด้าน Decentralization เอาไว้
 
ซึ่งเทคโนโลยีของ Optimistic Rollup นั้นก็คือ Layer 2 ที่ใช้ Blockchain ของตัวเองทำงานร่วมกับ Ethereum Chain หลัก หรือก็คือ จัดอยู่บน On-Chain นั่นเอง และคำว่า Rollup ก็บ่งบอกถึง “ลักษณะ” ของการบันทึก Transaction หรือธุรกรรมที่เกิดขึ้น ที่ตอนแรกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Blockchain Layer 2 นี้ จะถูกรวบรวมทีละเยอะๆ หลายๆ Transaction เป็นการมัดรวม Transaction เอาไว้เป็นกระจุกใหญ่ๆ ก่อนที่ส่งไปบันทึกลงใน Ethereum Chain หลัก เปรียบได้กับแทนที่เราแต่ละคนจะแยกกันขับรถไป รถใครรถมัน ก็โบกรถ Taxi เพียงแค่คันเดียวเดินทางไปกับเพื่อนๆ บนทางด่วนแทนนั่นเอง ทำให้การเดินทางครั้งนี้ประหยัดค่าเดินทาง (ค่า Gas) มากขึ้นไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นตัว Optimistic Rollup นั้น สามารถนำ EVM มาใช้งานได้ อธิบายเป็นภาษาง่ายๆ ก็คือพวก DApps (Decentralized Application) ต่างๆ ที่สร้างและรันอยู่บน Blockchain ของ Ethereum Chain หลักนั้น สามารถนำมันเข้ามาใส่เอาไว้ใน Optimistic Rollup ได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาเปลี่ยน Code หรือปรับเปลี่ยนอะไรใหม่ให้วุ่นวายอีก

ปัจจุบัน โปรเจค Layer 2 ทั้งหมด มีอยู่ 20 โปรเจคด้วยกัน ผู้อ่านสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซต์ https://l2beat.com/  ซึ่งแต่ละโปรเจคจะมีรายละเอียดของเทคโนโลยีที่นำมาใช้กำกับอยู่ หากเข้าไปศึกษาดูจะพบว่า นอกจากเทคโนโลยี Optimistic Rollup แล้ว ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆอยู่อีก แต่ในท้ายที่สุดแล้ว โปรเจคไหนจะเป็นผู้ชนะเพียง 1 เดียวนั้น ก็ไม่มีใครสามารถทำนายได้ 100% ผู้อ่านควรศึกษาแต่ละโปรเจคให้ถี่ถ้วนด้วยตัวเองก่อนทำการลงทุน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่กำลังเข้ามา และสามารถยืนอยู่ในโลกของการลงทุน Digital Asset ได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน

LastUpdate 22/01/2565 12:18:05 โดย : Admin
12-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 12, 2024, 7:31 pm