เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
คลังฯ เผยภาวะเศรษฐกิจการคลังภูมิภาคประจำเดือนมกราคม 2565


“เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนมกราคม 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)”


นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลังโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาคสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมกราคม 2565ว่า“เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนมกราคม 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)”โดยมีรายละเอียดดังนี้
 

เศรษฐกิจภาคใต้ในเดือนมกราคม 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
 
ด้านอุปสงค์พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 22.3 และ 1.3ตามลำดับ ส่วนจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวร้อยละ 16.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -14.5สำหรับจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่แม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -5.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผล
ทางฤดูกาลร้อยละ 0.9 สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ27.3แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -2.2เช่นเดียวกับจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -3.1สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการชะลอตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -81.3 และ-69.5 ตามลำดับด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัวร้อยละ 131.7 และ 325.3 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 85.0 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 83.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 41.0 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 42.3 จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจภาคตะวันตกในเดือนมกราคม 2565ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
 
ด้านอุปสงค์พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 27.1 และ 4.9 ตามลำดับ ส่วนจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัวร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -13.1สำหรับจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่แม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -12.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 4.5สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถบรรทุก
 
จดทะเบียนใหม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 28.4 แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -1.5สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการแม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -46.5เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 16.8ขณะที่จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ชะลอตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -3.8 และ-18.7 ตามลำดับด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัวร้อยละ 173.9 และ 127.1 ต่อปี ตามลำดับนอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88.7 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 86.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.0 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 45.3 จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจภาคตะวันออกในเดือนมกราคม 2565ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น
 
ด้านอุปสงค์พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวร้อยละ 51.5 และ 20.6เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -13.0 และ-1.6 ตามลำดับในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ชะลอตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -7.5 และ-0.8สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3 และ 159.6 ตามลำดับ แต่ชะลอลงร้อยละ -5.8 และ -48.3 ตามลำดับเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลสำหรับจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ชะลอลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -9.7 และ -6.7 ตามลำดับด้านอุปทานมีสัญญาณฟื้นตัวจากการท่องเที่ยวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัวร้อยละ 547.5 และ 863.6 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 108.8 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 107.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47.7 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 49.1 จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑลในเดือนมกราคม 2565 ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ดี การท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น
 
ด้านอุปสงค์พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มณ ราคาคงที่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวร้อยละ 7.3 และ 0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -7.8 และ-10.0 ตามลำดับในขณะที่จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ชะลอตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -19.6 และ-20.3 สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 169.8และ 82.8 ตามลำดับ โดยมาจากโรงงานบริการซ่อมแซม บำรุงรักษาเครื่องยนต์ ใน กทม. เป็นหลัก ด้านจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 11.0 และ 7.2 ตามลำดับ แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ-1.8 และ -7.1 ตามลำดับ ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัวร้อยละ 60.2 และ 28.8 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88.7 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 86.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 43.3 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 44.8 จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือในเดือนมกราคม 2565ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าจากการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น
 
ด้านอุปสงค์พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ แม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -1.3 และ -6.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 5.1 และ1.7 ตามลำดับจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวร้อยละ 12.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -5.6 สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวร้อยละ 9.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -10.2 ด้านจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่แม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 4.5 สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการชะลอตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -44.0 และ -42.7ตามลำดับ ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัวร้อยละ 70.0 และ 52.8 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 80.5 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 78.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 48.9 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.2 จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

เศรษฐกิจภาคกลางในเดือนมกราคม 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
 
ด้านอุปสงค์พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 3.5และ 3.8 ตามลำดับ ด้านการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มณ ราคาคงที่แม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -0.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวร้อยละ 7.4เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ในขณะที่จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -5.5 สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนสะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ แม้ว่าชะลอตัวลงร้อยละ -1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 5.6 ส่วนจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ -6.6 และ -84.8 และชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ -4.6 และ -73.6 ตามลำดับ 
 
ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัวร้อยละ 167.5 และ 141.3 ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88.7 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 86.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 44.0 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 45.3 จากความวิตกกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ก.พ. 2565 เวลา : 17:30:04
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 9:04 pm