เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
กลยุทธ์กำรลงทุน "Upside จำกัด และอ่อนตัวกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย"


 
คาด SET มี Upside จำกัด บริเวณ 1700 จุด หลังรีบาวด์ขึ้นมาต่อเนื่องก่อนหน้านี้ แต่มองตลาดยังขาดปัจจัยหนุนท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่เป็นลบ โดยแนวโน้มมีโอกาสอ่อนตัว จากความกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามถ้อยแถลงของ Powell ด้านแนวรับอยู่ที่ 1680 และ 1670 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นลบในภาพรวม กลยุทธ์ Selective Buy ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพ มีปัจจัยบวกเฉพาะ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน

ประเด็นสำคัญ

# ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง ยุโรปปรับขึ้น ราคาน้ำมันขึ้นต่อตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง กดดันจากหุ้น Tech หลังถ้อยแถลงของ ปธ. Fed ระบุการควบคุมเงินเฟ้อเป็นสิ่งจำเป็น และมีโอกาสขึ้น ด.บ. 0.5% ในเดือน พ.ค. อีกทั้ง Bond Yield 10 ปี ดีดตัวขึ้นใกล้ 3% ด้านตลาดหุ้นยุโรปปรับเพิ่มขึ้น ส่วนราคาน้ำมันปรับขึ้นจากความกังวลอุปทานตึงตัว

# ภาพรวมกาไรสุทธิ 1Q65 กลุ่มธนาคารดีกว่าคาดโดย 8 ธนาคารที่เราทำ Earnings Preview ทากำไรรวมกัน 5.2 หมื่นลบ. ดีกว่าคาดราว 5.3% โดยธนาคารที่กำไรดีกว่าคาด คือKTB KKP TTB BAY ส่วน TISCO KBANK กำไรตามคาดขณะที่ BBL กาไรต่ากว่าคาดเล็กน้อย

# ประชุม ศบค. วันนี้ พิจารณาปรับโซนสี-ผ่อนคลายเข้า ป.ท.โดยปรับการตรวจหาเชื้อผู้เดินทางเข้าไทยเป็น ATK หรือไม่ต้องตรวจหาเชื้อเลย และลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงเหลือ 5 วันสังเกตตัวเองต่อ 5 วัน นอกจากนี้จะยกเลิกระบบ Thailand Pass มีผล 1 พ.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นปัจจัยหนุนต่อการท่องเที่ยวไทยและหุ้นเปิดเมือง แต่เรายังกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 จะสูงขึ้นหลังช่วงวันหยุดยาว

ล็อคเป้ำลงทุน

> ช่วงสั้นตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ทำให้ Upside จากัดที่บริเวณ 1700 จุด ในทางกลับกันมองดัชนีเปิด Downside จากความเสี่ยงภายนอก อาทิ การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด, ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวสูง ขณะที่ในประเทศยังต้องจับตาจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังสงกรานต์ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนา “รอจังหวะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ไม่ไล่ราคา” ในหุ้นเชิงรับที่มีคุณภาพ และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน ดังนี้

> Core Portfolio : คงน้าหนักพอร์ตไว้ที่ 50% โดย Let Profit Run หุ้นที่ผลการดาเนินงานมีแนวโน้มเติบโตดี มีผลกระทบจากัดจากปัจจัยภายนอก KBANK AMATA LH GULF ADVANC ONEE

> Weekly Portfolio : เก็งกำไร 25% ใน 1) หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อจำกัด เลือก ADVANC BDMS GULF 2) หุ้นที่ได้อานิสงส์บวกการบริโภคภาคเอกชนไทยฟื้นตัว เลือก CPALL BJC AHLH ZEN และ 3) หุ้น Low Beta และให้ Div. Yield สูงเกินปีละ 7% เลือก TISCO (XD 29 เม.ย. นี้)

> ช่วงสั้นเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนสาหรับหุ้นเปิดเมือง (AOT MINT AWC CENTEL ERW) ซึ่งแม้จะได้อานิสงส์บวกจากแผนเปิดประเทศในครึ่งปีหลัง แต่มีความกังวลจานวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 จะสูงขึ้นหลังสงกรานต์ รวมทั้งหุ้นกลุ่มขนส่ง,วัสดุก่อสร้าง, บรรจุภัณฑ์ ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยฯ จากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นซึ่งมีโอกาสถูก Downgrade Earnings หลังประกาศงบ 1Q65

> Daily Focus : BJC กำไรฟื้นตัวชัดเจนตามการบริโภคภาคเอกชน โดย 1Q65 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น 21%YoY ซึ่งนับเป็นการเติบโต YoY ครั้งแรกในรอบ 2 ปี จากยอดขายและรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้น (ประกาศงบ 10 พ.ค.) และ BLA มาร์จิ้นมีแนวโน้มดีขึ้นจากกการปรับแผนขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง และได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของ Bond Yield ซึ่งส่งผลบวกต่อ ROI และเป็นผลดีต่อโอกาสขยายธุรกิจใหม่ในระยะยาว

Wealth Strategy

แนะนำหุ้นกู้ตลาดรองที่น่าสนใจ IRPC บริษัท ไออาร์พีซี จากัด (มหาชน) อายุคงเหลือประมาณ 1.5 ปี อันดับเครดิตหุ้นกู้ระดับ “A-(tha)” เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป และCPF หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จากัด (มหาชน) อายุคงเหลือประมาณ 2 ปีอันดับเครดิตหุ้นกู้ระดับ “A+” เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป
 

 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 เม.ย. 2565 เวลา : 11:26:36
04-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 4, 2024, 11:48 pm