เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ไทยออยล์วิเคราะห์ ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังตลาดจับตาการข้อสรุปมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานรัสเซีย ของสหภาพยุโรป


ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 108-118 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 110-120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
 
 
 
แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (16-20 พ.ค. 65) 
 
ราคาน้ำมันดิบทรงตัว หลังตลาดจับตาความเคลื่อนไหวของมาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานรัสเซีย ของสหภาพยุโรป ที่ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทั้งนี้เพราะยังมีประเทศสมาชิกที่ยังไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว เนื่องจากกังวลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น และการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ยังคงถูกกดดันจากการบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์อย่างต่อเนื่องในจีน หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 
 
ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:
 
สหภาพยุโรปยังคงไม่สามารถหาข้อสรุปเรื่องการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันรัสเซียได้ เนื่องจากจำเป็นต้องได้รับมติเอกฉันท์จากสมาชิกทั้งหมด 27 ประเทศ และยังมีประเทศสมาชิกที่ไม่ยอมรับการคว่ำบาตรนี้ เช่น ฮังการี เพราะต้องพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ฮังการีเสนอว่าหากมีการสนับสนุนด้านเงินทุน เพื่อช่วยให้ฮังการีลดการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย ฮังการีอาจจะพิจารณาข้อเสนอการคว่ำบาตรดังกล่าว 
 
หลังการประชุม G7 ในวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นประกาศที่จะลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย เมื่อถึงเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม เพื่อให้ไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานภายในประเทศและราคาพลังงาน ล่าสุดโรงกลั่นน้ำมัน ENEOS และ Idemitsu Kosan เลื่อนการลงนามสัญญาซื้อน้ำมันจากรัสเซีย โดยญี่ปุ่นนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียราว 4% และจากตะวันออกกลางราว 92% 
 
นักวิเคราะห์คาดราคาน้ำมันเบรนท์มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 หลังตลาดยังอยู่ในภาวะตึงตัวจากอุปทานน้ำมันดิบรัสเซียมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร ประกอบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังหลายประเทศคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดย Bank of America คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มราว 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จากไตรมาส 1/65 แตะระดับ 110 เหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาส 2/65 และ JP Morgan ที่คาดว่าราคาจะแตะระดับ 114 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 2/65
 
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติรัสเซียกลับมีแผนจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค. หลังมีผู้ซื้อหลายรายสนใจ เนื่องจากมีราคาต่ำกว่าน้ำมันชนิดอื่น โดยปริมาณการผลิตรัสเซียในช่วง 1-3 พ.ค. ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. แตะระดับ 1.402 ล้านตันต่อวัน หรือราว 10.28 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนั้นรัสเซียกำลังพิจารณาขยายท่าส่งออก และกำลังการขนส่งผ่านท่อไปยังตะวันออกไกล เพื่อรองรับความต้องการที่อาจเพิ่มขึ้นหลังคลายล๊อคดาวน์ 
 
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดในจีนยังคงน่ากังวล หลังบังคับใช้มาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดยิ่งขึ้นโดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ภายใต้นโยบาย Zero Covid ส่งผลให้ธุรกิจปิดทำการและไร้นักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันมากที่สุดในโลก มีแนวโน้มอ่อนตัวลง กดดันราคาน้ำมันดิบ 
 
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) คาดการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับเฉลี่ยที่ 11.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดว่าการผลิตจะกลับสู่ระดับก่อนสถานการณ์โควิด-19 ที่ 12.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ได้ในไตรมาส 4/65 หลังราคายืนตัวในระดับสูงต่อเนื่อง จูงใจในผู้ผลิตเพิ่มปริมาณการผลิตและการลงทุน 
 
รายงานสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ หรือ EIA เดือน พ.ค. ปรับลดความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 65 ลง 0.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับรายงานเดือน เม.ย. มาอยู่ที่ 99.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยความต้องการใช้ถูกกดดันอย่างมากในไตรมาส 1 และ 2 เนื่องจากการบังคับใช้มาตรการล็อคดาวน์อย่างต่อเนื่องของจีน 
 
เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จีดีพีกลุ่มยูโรโซนไตรมาส 1/65 ตลาดคาดว่าจะปรับลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยธนาคารจีน ปริมาณการค้าปลีกจีนเดือน เม.ย. โดยมีแนวโน้มลดลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (9 – 13 พ.ค. 65)  
 
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้น 7.40 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 110.49 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับเพิ่มขึ้น 5.61 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 111.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์ เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 106.55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 6 พ.ค.65 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลง และสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงระบาดหนักในหลายเมืองใหญ่ของจีน ส่งผลให้จีนยังขยายการล็อกดาวน์และใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด 
 

LastUpdate 16/05/2565 10:52:46 โดย : Admin
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 10:43 am