นายเรืองเดช ดุษฎีสุรพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าตามที่คณะกรรมการบริษัทได้พิจาณาและมีมติเห็นชอบให้บริษัทยื่นขอความยินยอมเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลให้ฟื้นฟูกิจการฟูกิจการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งได้พิจารณาคำข้อดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565
ทางคปภ. จึงได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือต่อบริษัทให้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งทางบริษัทต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางภายใน 5 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
บริษัทจึงยื่นคำร้องฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางแล้วเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2565 ซึ่งมีสาระสำคัญของคำร้องฟื้นฟูกิจการดังนี้
1.บริษัทในฐานะลูกหนี้เป็นผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
2.บริษัทเสนอให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน
3.แนวทางของแผนฟื้นฟูกิจการในเบื้องต้น ได้แก่
3.1 การหาแหล่งเงินทุนใหม่และปรับโครงสร้างทุน โดยเฉพาะการเพิ่มทุนเพื่อระดมเงินจากผู้ร่วมทุนใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการชำระหนี้ และ/หรือ เพื่อปรับโครงสร้างทุนให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
3.2 การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ ขยายระยะเวลากำหนดชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ เสนอชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน
3.3 การศึกษาและจัดเตรียมแผนและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้การฟื้นฟูกิจการเป็นไปเพื่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยวิธีการที่มีกฎหมายรอบรับและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจตามปกติอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ
รวมถึงการให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันกัยต่างๆ เช่น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจและภาคบังคับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยเบ็กเตล็ด และประกันขนส่งสินค้าทางทะเล โดยบริษัทจะดูแลและชำระค่าสินไหมทดแทนตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ และชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจตามทางการค้าปกติ
ข่าวเด่น