จากข้อมูลของทางเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (DBD) พบว่า ช่วงวันที่ 25 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา Tesla ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ที่มี CEO ผู้กุมบังเหียนอย่างอภิมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก Elon Musk ได้เข้าจดทะเบียนบริษัทในไทยชื่อ “บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 3,000,000 บาท โดย 1 ในรายชื่อคณะกรรมการ คือ นายเดวิด จอน ไฟน์สไตน์ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็น Global Senior Director, Trade & New Markets ของ Tesla หรือก็คือผู้ที่ดูแลตลาดใหม่ ซึ่งก็เป็นที่คาดเดาได้ว่า Tesla อาจกำลังเตรียมระดมพล ลงสนามบุกตลาดรถยนต์ EV ในบ้านเรา
ในช่วงนี้เราทุกคนคงเห็นอิทธิฤทธิ์ของสภาวะเงินเฟ้อที่มีผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนแล้วว่า ราคาของอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะค่าน้ำมันรถนั้นแพงขึ้นมากจนเราไม่อยากจะใช้รถส่วนตัวออกไปไหน แต่ก่อนเราใช้เงินแค่ 1,000 บาท ก็สามารถเติมน้ำมันได้เต็มถังแล้ว กลับกันตอนนี้เงิน 1,000 บาท อาจเติมได้ไม่ถึงครึ่งถังด้วยซ้ำไป ทำให้ใครหลายๆคนเริ่มเบนสายตาหันมามองรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ EV กันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถ้าเราดูข้อมูลการ Adoption รถยนต์แบบพลังงานไฟฟ้า นับว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะแม้ตลาดรถยนต์ทั่วโลกจะเกิดการหดตัวในปี 2020 เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
แต่ข้อมูลจาก KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ออกมาเผยว่า ตลาดรถยนต์แบบ EV นั้นมีทิศทางการเติบโตแบบก้าวกระโดด สวนทางกับยอดขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ชะลอตัวลง โดยยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลก ทั้งแบบไฟฟ้า 100% และรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบบปลั๊กอินไฮบริด ทะลุ 2 ล้านคัน เป็นครั้งแรกในปี 2018 เพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านคันในปี 2019 และยอดขายทะยานขึ้นเป็น 3.2 ล้านคันในปี 2020 คิดเป็นการขยายตัวถึง 43% สวนทางตลาดรถยนต์โดยรวมที่หดตัวเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ประกอบกับการเห็นถึงคุณประโยชน์ในแง่การประหยัดเชื้อเพลิง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในหลากหลายประเทศ ทำให้หลายสำนักวิจัยมองไปในทิศทางเดียวกันว่าโลกกำลังเข้าสู่ “EV Revolution” ในช่วงทศวรรษนี้ 2020-2029
รูปจาก https://www.eaanywhere.com/maps
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ตลาดรถยนต์ EV เติบโตมากที่สุด สังเกตได้จาก Ecosystem และสถานีชาร์จรถที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตรงนี้ก็อาจเป็นที่คาดเดาถึงความสนใจของ Tesla จะเข้ามาตีตลาดในไทยอย่างเต็มกำลังในอนาคตอันใกล้ ถือเป็นเรื่องดีทั้งกับผู้บริโภคที่จะมีตัวเลือกของรถยนต์ EV มากขึ้น และจะทำให้ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงสู่อุตสาหกรรมยานต์ยนต์แบบพลังงานไฟฟ้าได้อย่างรวดเร็ว (เนื่องจากTesla เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ1ของโลก) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรัฐบาลของบ้านเรา อาจต้องมีการผลักดันสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่ครอบคลุมมากกว่านี้ รวมถึงมาตรการส่งเสริมรถยนต์ EV ในด้านอื่นๆ เช่นเดียวกับประเทศจีนและเยอรมันที่ให้การสนับสนุนรถยนต์ EV และรถของ Tesla อย่างเต็มกำลัง ซึ่งจะเป็นตัวผลักดันชั้นดี ที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ใช้การคมนาคมด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในแบบอุดมคติได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลดการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันลง อันเป็นทรัพยากรที่มีความแปรผันตามเหตุการณ์ด้านการเมืองของโลก ที่ใช้เป็นเครื่องมือด้านสงครามอันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ
รูปจาก https://www.tesla.com/charging
ปกติหาก Tesla จะเข้ามาตีตลาดที่ประเทศใด ก็จะมีการขายรถผ่าน 2 ช่องทางได้แก่ ทาง Showroom ของ Tesla เอง และ เว็บไซต์ออนไลน์แบบ Official นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งศูนย์บริการดูแลรถยนต์ Tesla และที่ขาดไปไม่ได้เลย คือ การสร้างสถานีชาร์จรถ Tesla แบบ Super Charger ซึ่งจะเป็นสัญญาณอย่างชัดเจนว่า Tesla จะเข้าปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ในไทยอย่างแน่นอน (เพราะปกติ Tesla จะมีการนำร่องด้วยการสร้างพื้นที่ชาร์จรถเอาไว้ก่อนการเปิดขายรถยนต์) ฉะนั้นคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูภาครัฐของบ้านเรากันต่อไปว่า จะให้การสนับสนุน Tesla เพื่อเปิดประตูสู่ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างไรต่อไป
ข่าวเด่น