เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ไทยออยล์วิเคราะห์ ราคาน้ำมันดิบร่วง จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความไม่แน่นอนของการผลิตในอนาคตจากกลุ่ม OPEC+


ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 3% หลังดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. และไตรมาสที่สองปิดตัวอยู่ในแดนลบ โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513 ด้วยความกังวลว่าความมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก


จากการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (OPEC+) มีมติให้ยึดข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันที่ 648,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค. และ ส.ค. 65 นอกจากนี้ทางกลุ่มยังปฏิเสธการหารือถึงนโยบายการผลิตสำหรับเดือน ก.ย. 65

อุปทานน้ำมันตึงตัวมากขึ้น จากการระงับการขนส่งของลิเบียจากท่าเรือตะวันออกสองแห่ง ในขณะที่ผลผลิตจากเอกวาดอร์ลดลงเนื่องจากบริษัทปิโตรเอกวาดอร์ (Petroecuador) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัฐบาลเอกวาดอร์ประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงทั่วประเทศได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน นอกจากนี้พนักงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งของนอร์เวย์ จะนัดหยุดงานตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตน้ำมันของนอร์เวย์หายไปประมาณ 4%

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง 452,000 บาร์เรล อย่างไรก็ตามความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังคงอยู่ในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ได้รับแรงกดดันจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของโรงกลั่นในเอเซีย ส่งผลให้มีการส่งออกน้ำมันดีเซลมากขึ้น โดยเฉพาะจากเกาหลีใต้ อีกทั้งน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 01 ก.ค. 2565 เวลา : 11:07:33
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 3:30 am