เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.ไทยพาณิชย์วิเคราะห์ "กลุ่มพลังงานกดดัน มีโอกาสชะลอตัวจาก 1600 จุด"


 
คาด SET มี upside ระยะสั้นจำกัดบริเวณ 1600 จุด และมีโอกาสชะลอตัวลดความร้อนแรง หลังปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับลงจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นปัจจัยกดดันดัชนีผ่านกลุ่มพลังงาน ด้านแนวรับที่เป็นกรอบล่างอยู่ที่ 1580 และ 1568 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

FedWatch Tool คาด Fed ชะลอขึ้น ด.บ.โดยจะขึ้นเพียง 0.50% ใน ก.ย., ขึ้น 0.25% ใน พ.ย. และ ธ.ค. 65 ก่อนจะลด ด.บ. 0.25% ในมี.ค. 66

• เรือขนธัญพืชยูเครนล าแรกออกจากท่าเรือโอเดสซาแล้วส่งผลราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับลดลง ช่วงสั้นเลี่ยงลงทุนหุ้นกลุ่มแป้งสาลี-แป้งมันสำปะหลัง TMILL TWPC แต่แนะนำ GFPT CPF ได้อานิสงส์ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง

• กกพ.ยังไม่แถลงปรับขึ้น Ft อีก 93.43 สต./หน่วยในรอบบิล ก.ย. โดยจะกลับไปพิจารณาก่อน เป็น sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อหุ้นโรงไฟฟ้า

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตลาดหุ้นไทยยังยากที่จะคาดหวังการฟื้นตัวได้แรงเนื่องจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจทั่วโลกยังกดดัน และคาดจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำลังซื้ออีกทั้งยังต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลจีนต่อการควบคุม COVID หลังตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะผันผวนขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q65 ไประยะหนึ่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวได้ดี

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดที่กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรดี ดังนี้

1) หุ้นที่พรีวิวมีโอกาสออกมาดีและมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังประกาศงบ 2Q65 เลือก BCP AWC ERW

2) หุ้นที่คาดผลด าเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำไรมีโมเมนตัมดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 รวมทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก IVL KCE DELTA MTC ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
 
1) หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างกลุ่มปาล์ม อาทิ UVAN UPOIC VPO CPI LST หลังผลผลิตปาล์มอินโดนีเซียและมาเลเซียออกสู่ตลาดมากขึ้น และกลุ่มข้าวสาลีและแป้งมันอาทิ UBE TMILL TWPC หลังยูเครนเริ่มส่งออกธัญพืชออกสู่ตลาดโลกได้
 
2) หุ้นที่คาดได้ผลกระทบทางอ้อมจากความกังวลความเสี่ยงด้านนโยบายของประเทศคู่ค้าอย่างเมียนมาที่มีเพิ่มขึ้น อาทิ CBG OSP
 
3) หุ้นที่มีโอกาสสูงจะโดนตลาดปรับลดประมาณการ หลังล่าสุดมีความเสี่ยงกดดันผลดำเนินงานมากกว่าที่คาด อาทิ ASP MST NRF OSP DTAC

Daily Focus

EPG ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับลงแรง ขณะที่แนวโน้มกำไรคาดจะกลับเข้าสู่ทิศทางขาขึ้นใน 2HFY66 (+YoY และ +HoH) แรงหนุนจากจากธุรกิจฉนวนและธุรกิจยานยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้น และการรวมผลการดำเนินงานของกิจการที่เข้าซื้อมาใหม่

BJC ยอดขายจะฟื้นตัวในทุกธุรกิจ 2Q65 คาดกำไรปกติ 1.15 พันลบ.เพิ่มขึ้น 44%YoY จากยอดขายและ EBIT margin ฟื้นตัว (รายได้ค่าเช่าดีขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/ยอดขายลดลง) ราคาหุ้นยังต่ำกว่า 25% จากระดับก่อนเกิด COVID-19 ยังไม่สะท้อนกำไรที่ฟื้นตัว
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 ส.ค. 2565 เวลา : 10:47:04
08-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 8, 2024, 12:49 am