เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.ไทยพาณิชย์วิเคราะห์"Upside จำกัดบริเวณ 1600 จุด กำรเมืองสหรัฐ -จีน กดดัน"


คาด SET มี upside ระยะสั้นจำกัดบริเวณ 1600จุด และมีโอกาสชะลอตัวลดความร้อนแรง โดยมีปัจจัยกดดันด้านการเมืองระหว่างสหรัฐและจีนหลังปธ.สภาฯ สหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวัน สร้างความไม่พอใจกับจีน รวมถึงความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว ด้านแนวรับที่เป็นกรอบล่างอยู่ที่ 1580 และ 1570 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

แนนซี เพโลซี ปธ.สภาฯ สหรัฐเยือนไต้หวัน สร้างความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีน เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียระยะสั้น

• บอร์ด กสทช. รับรายงานการควบรวม TRUE-DTAC ในวันนี้ คาดพิจารณา 10 ส.ค. ขณะที่สภาฯ ผู้บริโภครวบรวมรายชื่อคัดค้านดีลนี้ คาดช่วงสั้นราคาหุ้นผันผวน

• สรท.คาดการส่งออกไทยฟื้นตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เตรียมปรับประมาณการส่งออกปีนี้ขึ้นจากเดิมคาดโต 6-8%โดยมีโอกาสโตถึง 10%

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตลาดหุ้นไทยยังยากที่จะคาดหวังการฟื้นตัวได้แรงเนื่องจากภาพใหญ่ของเศรษฐกิจทั่วโลกยังกดดัน และคาดจะเริ่มเห็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อกำลังซื้ออีกทั้งยังต้องจับตาท่าทีของรัฐบาลจีนต่อการควบคุม COVID หลังตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ช่วงสั้นคาด SET จะผันผวนขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรผลประกอบการ 2Q65 ไประยะหนึ่ง กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวได้ดี

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ภายใต้ภาวะตลาดที่กำลังเข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการ จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรดี ดังนี้

1) หุ้นที่พรีวิวมีโอกาสออกมาดีและมีแนวโน้มปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลังประกาศงบ 2Q65 เลือก BCP AWC ERW

2) หุ้นที่คาดผลดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและกำไรมีโมเมนตัมดีขึ้นตั้งแต่ 2Q65 รวมทั้ง Valuation ไม่แพง เลือก IVL KCE DELTA MTC ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
 
1) หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างกลุ่มปาล์ม อาทิ UVAN UPOIC VPO CPI LST หลังผลผลิตปาล์มอินโดนีเซียและมาเลเซียออกสู่ตลาดมากขึ้น และกลุ่มข้าวสาลีและแป้งมันอาทิ UBE TMILL TWPC หลังยูเครนเริ่มส่งออกธัญพืชออกสู่ตลาดโลกได้

2) หุ้นที่คาดได้ผลกระทบทางอ้อมจากความกังวลความเสี่ยงด้านนโยบายของประเทศคู่ค้าอย่างเมียนมาที่มีเพิ่มขึ้น อาทิ CBG OSP

3) หุ้นที่มีโอกาสสูงจะโดนตลาดปรับลดประมาณการ หลังล่าสุดมีความเสี่ยงกดดันผลดำเนินงานมากกว่าที่คาด อาทิ ASP MST NRF OSP DTAC

Daily Focus

HMPRO 3Q65 คาดกำไรเติบโต YoY หนุนจาก SSS ที่ดีขึ้น มาร์จิ้นที่กว้างขึ้น และรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้น ขณะที่ทั้งปี 65 บริษัทตั้งเป้า SSS ของร้านโฮมโปรเติบโต 5-7%YoY และเร่งขยายสาขาเชิงรุกมากขึ้น โดยจะเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา (พื้นที่ขายสุทธิ +10%) ซึ่งทั้งหมดจะเปิดใน 2H65

BLA เป็นหุ้นได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ช่วงสั้นมองราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวหรือรีบาวด์ได้ดี เนื่องจากล่าสุด Bond Yield 10 ปีของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 2.74% (+17.5 bps) อีกทั้งตั้งแต่ 2Q65 คาดกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ส.ค. 2565 เวลา : 11:21:14
07-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 7, 2024, 7:18 pm