มอง SET ขึ้นแบบมีอัตราเร่งลดลง หรือ sideways up โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1636 และ 1643 จุด ตามลำดับ ขณะที่สัญญาณเทคนิคยังเตือนถึงการพักตัว จากสัญญาณ Overbought และ Divergence ทำให้เรายังคงมีมุมมองแบบระมัดระวังต่อแรงขายทำกำไร หลังดัชนีขึ้นมาต่อเนื่อง ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1624 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• ทางการจีนคว่ำบาตร จนท. ไต้หวัน 7 รายห้ามเข้าจีน ฮ่องกง มาเก๊า ด้านสหรัฐทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปติดหัวรบนิวเคลียร์
• EU กำลังพิจารณาคำตอบจากอิหร่านเกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 58 ทำให้อิหร่านอาจกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้งจีนเผชิญคลื่นความร้อนยาวนานสุดรอบ 60 ปี เกิดภัยแล้งหลายพื้นที่ กระทบแหล่งผลิตอาหารใหญ่ในปท.-ผลผลิตธัญพืชเสียหาย
• วันนี้ติดตามรายงานการประชุม Fed รอบ 26-27 ก.ค. ว่า จนท. Fed จะมีมุมมองเกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ยอย่างไร
• ครม.เห็นชอบ ก.คลัง ค้ำประกัน สนง. กองทุนน้ำมันฯ จัดหาแหล่งกู้ยืมเงิน 1.5 แสนลบ. ขณะที่กองทุนน้ำมันฯ ติดลบ 1.17 แสนลบ.
• สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดหลังเปิดประเทศ เต็มรูปแบบ-ยกเลิกไทยแลนด์พาส หนุน นทท. ปีนี้เกิน 12 ล้านคน PTT ร่วมมือ CPN ขยาย EV Charging Station ในห้างเซ็นทรัล 37 แห่งทั่วไทย
กลยุทธ์การลงทุน
ระดับความเสี่ยงด้าน Market Risk เริ่มลดลง หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีสัญญาณชะลอตัวซึ่งคาดจะช่วยให้เฟดไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับ 0.75% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และถือเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ด้วยปัจจัยความเสี่ยงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ และเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปยังคงต้องระมัดระวังต่อไป กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้ตลาดมี Market Risk เริ่มลดลงจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ แต่ยังต้องระมัดระวังการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี และ/หรือ มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Big Cap. ที่คาดได้อานิสงส์จาก Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้า และ Valuation ยังไม่แพง เลือก KBANK BDMS
2) หุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวฟื้นตัวซึ่งโมเมนตัมกำไรยังเติบโตดีทั้ง YoY และ QoQ เลือก ERW MINT CRC AOT
3) หุ้นที่ผลการดำเนินงาน 2H65 ยังมีแนวโน้มโตดี และมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในช่วง ส.ค.-ก.ย. เลือก PTT BCP LH SPALI ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับ Sentiment ลบจากการปรับลดเป้าส่งออกรถยนต์จากปัญหาขาดแคลนชิป อาทิ NYT SAT AH STANLY
2) หุ้นอิเล็กทรอนิกส์อย่าง DELTA, KCE หลังราคาหุ้นปรับขึ้นแรงแล้ว อีกทั้งล่าสุด guidance ของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำของโลกไม่สดใสและเริ่มเห็นสัญญาณคำสั่งซื้อชะลอตัว
3) หุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง อาทิ PSL TTA ซึ่งคาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI ซึ่งล่าสุด BDI Index ปรับตัวลง 1.21%DoD สู่ระดับ 1387 จุด ทำจุดต่ำสุดในรอบ 6.5 เดือน
Daily Focus
KBANK ได้อานิสงส์ Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยและล่าสุดยังได้เพิ่มเข้าเป็นหุ้นคำนวณดัชนี MSCI Global Standard (มีผลราคาปิด 31 ส.ค.) มีจุดเด่นด้าน Valuation ไม่แพง (PBV 0.65 เท่า และ PE 7.5 เท่า) คาดการณ์ว่ากำไรจะฟื้นตัวได้ดี ทั้งยังเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง
BJC 3Q65 คาดกำไรเติบโต YoY หนุนจากยอดขาย และรายได้ค่าเช่าและรายได้อื่นที่ฟื้นตัวดีขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมา แต่จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ราคาหุ้นยังต่ำกว่า 20% จากระดับก่อนเกิด COVID-19 ซึ่งมองยังไม่สะท้อนกำไรที่ฟื้นตัว
ข่าวเด่น