คาด SET การฟื้นตัวยังจำกัด บริเวณแนวต้านจุดสูงเดิมที่ 1650 จุด เนื่องจากตลาดยังดูขาดปัจจัยหนุน แต่มีความเสี่ยงกระทบจาก 1) นโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลาง 2) ผลกระทบการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และ 3) วิกฤตพลังงานในยุโรป ขณะที่ในประเทศ ยังมีปัจจัยการเมืองที่ต้องติดตาม เรื่องการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีของนายกฯ ด้านกรอบล่างมีที่ 1630 และ 1620 จุด หากต่ำกว่า เริ่มเป็นลบ
ประเด็นสำคัญ
ประชุม ECB วันนี้คาดปรับขึ้น ด.บ. 0.75% ขณะที่ GDP 2Q65 ของยูโรโซนขยายตัว 4.1%YoY, 0.8%QoQ ดีกว่าคาด หนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน
รัสเซียบรรลุข้อตกลงจีนจ่ายค่าก๊าซด้วยเงินรูเบิล-หยวน ระบุถ้าชาติตะวันตกบังคับจำกัดราคาพลังงานจะส่งออกเพิ่มสู่เอเชียแทน ขณะที่ ปธน.ปูติน ต้องการหารือข้อตกลงการส่งออกธัญพืชของยูเครนผ่านทางทะเลดำอีกครั้ง
เงินเยนอยู่ที่ 100 เยนต่อ 25.37 บาท อ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ปี 2533 หลังตลาดคาดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐจะปรับตัวกว้างขึ้น
วันนี้ศาล รธน.ประชุมนัดพิเศษเพื่อกำหนดแนวทางพิจารณาคดี พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปี คาดนัดวินิจฉัยหลังจากวันนี้ไม่เกิน 15 วัน
รฟม.ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิค รฟฟ. สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดย BEM ผ่านการพิจารณา ส่วน ITD อาจขัดคุณสมบัติ
บอร์ด กสทช.คาดจะพิจารณาข้อมูลดีลควบรวม TRUE-DTAC และแผนเยียวยาที่ได้รับจาก สนง. กสทช. ในการประชุมครั้งถัดไป 14 ก.ย. นี้
กทม.-กรุงเทพธนาคมเตรียมยื่นอุทธรณ์หลังศาลปกครองมีคำสั่งให้จ่ายค่าจ้างเดินรถ BTS 1.17 หมื่นลบ.เราคาดอาจเป็นปัจจัยเร่ง กทม.พิจารณาต่อสัปทานสายสีเขียว
กกร.คงกรอบเป้าหมาย GDP ปีนี้ที่ 2.75-3.5% คาดการท่องเที่ยว-มาตรการกระตุ้นศก.ยังหนุน แต่กังวลต้นทุนค่าไฟ-ค่าแรงกระทบธุรกิจเปราะบาง
วันนี้ BYD เตรียมเซ็นสัญญา WHA สำหรับฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งแรกในอาเซียน
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดการเงินกังวลว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ อีกทั้งจีนยังใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อคุมการแพร่ระบาดของโควิดเป็นระยะ และยุโรปมีปัญหาขาดแคลนก๊าซที่ยังไม่คลี่คลาย ทำให้ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยมีมากขึ้น ซึ่งคาดจะกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ช่วงสั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงเพิ่มความระมัดระวัง โดยเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีเป็นหลัก
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : ความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น คาดกดดัน SET Index ให้ผันผวนสูง จึงแนะนำเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก BJC HMPRO ZEN HTC ADVANC
2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บาทอ่อน รวมทั้งได้ประโยชน์กลุ่มประเทศตะวันออกกลางมีกำลังซื้อและเศรษฐกิจเติบโตดี เลือก CPF GFPT BDMS
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply chain หลังจีนกลับมา ล็อกดาวน์เมืองเฉิงตูและเซินเจิ้นอีกครั้งซึ่งเป็นฐานการผลิตกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ซึ่งมีโอกาสส่งผลกระทบเชิงลบต่อคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย
2) หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์เมืองใหญ่อีกครั้ง
Daily Focus
GPSC ช่วงสั้นคาดได้โมเมนตัมบวกจากราคาน้ำมันและ Bond Yield ที่ปรับลง รวมทั้งยังได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า Ft ตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค. 65 ซึ่งจะช่วยชดเชยต้นทุนก๊าซที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ หนุนมาร์จิ้นฟื้นตัวดีขึ้น
COM7 2H65 คาดยอดขายเพิ่มขึ้น แรงหนุนจากได้อานิสงส์การเปิดตัว iPhone 14 ซึ่งมีการประมวลผลที่ดีขึ้นและมีฟีเจอร์ใหม่ “Emergency SOS” แต่ราคาสหรัฐไม่ปรับขึ้น (ราคาไทยเพิ่มขึ้นจากบาทอ่อน) ส่งผลให้คาดมีกระแสตอบรับอย่างคึกคัก นอกจากนี้ Apple ขยับไทยสู่ประเทศ “Tier-1” ขาย “iPhone 14” เริ่มจำหน่ายได้ 16 ก.ย.นี้
ข่าวเด่น