เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ธ.เกียรตินาคินภัทร เผยอสังหาฯ เริ่มฟื้น เล็งยอดขายปี 65 เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 แนะพัฒนาโครงการไม่เกินกำลังซื้อของพื้นที่


ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยสายงานสินเชื่อธุรกิจ วิเคราะห์ตลาดอสังหาฯ กรุงเทพฯและปริมณฑลปี 2565 ว่าเริ่มมีสัญญาณบวกที่จะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 จากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและกลุ่มผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อเร็วขึ้นเนื่องจากกลัวราคาจะปรับขึ้น คาดยอดขายทั้งปี 2565 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนั้น ยังแนะผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับกำลังซื้อแต่ละพื้นที่เป็นหลัก ลดขนาดโครงการลง หรือแบ่งเฟส และจำกัดปริมาณ เพื่อบริหารความเสี่ยงให้สอดรับกับต้นทุนที่ดิน ค่าก่อสร้าง และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น


แนวโน้มการเติบโตของอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ในปีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ และปริมณฑลได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ตลาดชะลอตัว โดยในปี 2564 มียอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านมือ 1 ลดลงไปประมาณ 30,000 ยูนิต (-24%) จากปีก่อน แต่ในปีนี้ เริ่มมีสัญญาณบวกมากว่ายอดโอนอาจกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเมื่อเปรียบเทียบยอดโอนกรรมสิทธิ์ตามรูปแบบสินค้า ที่อยู่อาศัยแนวราบมีแนวโน้มการขยายตัวสูงของสินค้ากลุ่มทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด โดยเฉพาะกลุ่มระดับราคา 2-5 ล้านบาท จะเติบโตมากขึ้นในพื้นที่ปริมณฑล ตามต้นทุนของที่ดินที่ปรับสูงขึ้น ส่วนยอดขายบ้านเดี่ยวคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มระดับราคา 10-15 ล้านบาท เนื่องจากราคาบ้านเดี่ยวมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ตามต้นทุนของราคาที่ดิน (และค่าก่อสร้าง) ที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่ระดับราคาบ้านเดี่ยวจะปรับขึ้นมาที่ระดับราคานี้ โดยจากอุปสงค์ใหม่ของบ้านเดี่ยว ที่เข้ามาในตลาดมากที่สุด ก็เป็นที่ระดับราคา 10-20 ล้านบาท

 
ปัจจัยภายนอกกดดันการขยายตัวของที่อยู่อาศัย

ปัจจัยภายนอกยังกดดันการขยายตัวของที่อยู่อาศัย เช่น การปรับนโยบายการเงินที่ล่าช้าจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เงินเฟ้อค้างอยู่ในระดับสูงและส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ต้นทุนการพัฒนาสูงขึ้น จากค่าวัสดุ ค่าแรง และค่าที่ดิน ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดผลิตภัณฑ์เหล็กสูงขึ้นร้อยละ 10-15 และหมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต สูงขึ้นร้อยละ 6-8 ยิ่งกว่านั้น จำนวนโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 52,000 ยูนิต ทำให้ในอนาคตอาจเกิดภาวะขาดแคลนวัสดุบางประเภท และค่าแรงขั้นต่ำก็มีโอกาสปรับขึ้น โดยในช่วงปลายปี 2565 ถึงกลางปี 2566 หากดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น และมีการยกเลิกอัตราดอกเบี้ยคงที่ จะส่งผลต่อวงเงินในการซื้อบ้าน และจำนวนเงินงวดที่ต้องจ่าย ทำให้คนอาจเร่งตัดสินใจซื้อบ้านก่อนต้นทุนจะเพิ่ม หรือชะลอการซื้อบ้านไปเลยก็ได้

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ก.ย. 2565 เวลา : 17:12:29
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 2:24 pm