คาด SET ปรับตัวลง จากปัจจัยลบเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือนส.ค.ที่สูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ด้านดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า กดดันเงินบาทอ่อนค่าเป็นลบต่อ fund flow กดดันดัชนีเช่นกัน โดยมีแนวรับที่ 1650 และ 1637 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่ 1670-1675 จุด
ประเด็นสำคัญ
• นลท. ให้น้ำหนัก 18% ที่ Fed จะขึ้น ด.บ. 1% ในการประชุม 20-21 ก.ย.หลังเงินเฟ้อสหรัฐ ส.ค. +8.3%yoy +0.1%mom สูงกว่าคาด
• สหรัฐระบุจะไม่พิจารณาข้อเรียกร้องเพิ่มเติมแก่อิหร่านที่เสนอโดยยุโรปทำให้การกลับมาส่งออกน้ำมันของอิหร่านยังไม่แน่ชัด
• Google พิจารณาย้ายการผลิต Pixel Phone 10-20% ไปอินเดีย และผู้ผลิตจีนมีแผนย้ายการผลิตไปเม็กซิโก เพื่อเลี่ยงภาษีน าเข้าสหรัฐ
• ครม. เห็นชอบขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำมีผล 1 ต.ค., ขยายเวลาลดภาษีฯ ดีเซล 5 บ./ลิตร ถึงสิ้น พ.ย., ต่อมาตรการช่วยค่าไฟกลุ่มเปราะบางถึงสิ้นปีนี้
• ททท. จะออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวใน ป.ท. หลังจบเราเที่ยวด้วยกัน
• ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. ปรับขึ้นเดือนที่ 3 เริ่มเห็นสัญญาณ ศ.ก. ฟื้นเช่นเดียวกับดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ส.ค. ปรับขึ้นเดือนที่ 3 เช่นกัน
• วันนี้ศาล รธน. วินิจฉัยคดีนายกฯ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ หากพยานหลักฐานครบ-สิ้นข้อสงสัย สามารถนัดวันลงมติได้ทันที
• วันนี้ กสทช. ประชุมพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม หลังกฤษฎีกาตีความ กสทช.ไม่มีอำนาจสั่งการให้อนุญาตหรือไม่อนุญาตดีลควบรวม TRUE-DTAC
กลยุทธ์การลงทุน
เรามองตลาดจะยังคงให้น้ำหนักกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น หลังเฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อสูงและวิกฤตพลังงาน อีกทั้งจีนยังใช้นโยบาย Zero Covid ทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะๆ ซึ่งย่อมกระทบต่อการลงทุนในระยะถัดไป ทำให้มองดัชนีมี Upside จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีคุณภาพดีมีปัจจัยบวกเฉพาะเป็นหลัก
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้มองตลาดรับรู้ความเสี่ยงไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีโอกาสน้อยที่ Downside จะลงลึก แต่ช่วงสั้นคาดดัชนีหุ้นไทยยังมี Upside จำกัดเช่นกันจึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก ZEN HTC ADVANC
2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นความเสี่ยงตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นใน ก.ย.-ต.ค. เลือก HMPRO GLOBAL CPALL BJC TASCO
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply chain หลังจีนยังคงดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะ โดยเฉพาะที่เป็นฐานการผลิตอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์อย่าง เฉิงตูเซินเจิ้น กุ้ยหยาง ซึ่งมีโอกาสกดดันคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย
2) หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์และยุโรปเผชิญปัญหาค่าครองชีพพุ่ง
Daily Focus
ADVANC เป็นหุ้นปลอดภัยในช่วงที่ตลาดผันผวน เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจมั่นคง มีกระแสเงินสดดี และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดีที่สุดในกลุ่ม โดยปี 2565 คาดมีกำไรปกติที่ 2.83 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 2.7% YoY ช่วงสั้นจัดเป็นอีกหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ iPhone 14
CPALL ได้อานิสงส์กำลังซื้อที่ดีขึ้นจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำและความต้องการสินค้าจำเป็นในช่วงน้ำท่วม 3Q65 คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้น YoY หนุนจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อนสืบเนื่องมาจากการล็อกดาวน์ และ synergy จาก MAKRO กับ Lotus’s
ข่าวเด่น