คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 1643-1661 จุด โดยดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ แต่คาดกรอบบนยังถูกจำกัด บริเวณแนวต้าน 1661 จุด ในขณะที่ตลาดยังมีความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อเป็นปัจจัยกดดัน ด้านกรอบล่างจุดติดตามคือ 1643 จุด หากต่ำกว่าเป็นสัญญาณลบ
ประเด็นสำคัญ
• Bond Yield 2 ปีสหรัฐสูงสุดในรอบ 15 ปี นลท. เพิ่มน้ำหนัก Fed ขึ้น ด.บ. 1% ในการประชุม 20-21 ก.ย. เป็น 36% แม้ PPI ส.ค. ขยายตัวต่ำกว่าคาด
• จีนประกาศปลดล็อกดาวน์เฉิงตูมีผลวันนี้ หลังล็อกดาวน์ตั้งแต่ 1 ก.ย.
• EU เตรียมใช้มาตรการหักกำไรส่วนเกินบ.พลังงาน-ลดการใช้ไฟฟ้าทั่ว EU เพื่อบรรเทาผลกระทบ ปชช. จากวิกฤตพลังงานก่อนฤดูหนาว
• ศาล รธน. นัดลงมติและอ่านคำวินิจฉัยคดี 8 ปีนายกฯ 30 ก.ย. 15.00 น.
• ศาล รธน. รับวินิจฉัยคำร้องแผน PDP ปี 2561-80 ของ ก.พลังงาน ที่ลดกำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐลงต่ำกว่า 51% นั้นขัด รธน.
• สภาฯ ถอนร่าง พ.ร.บ.กัญชากัญชงที่จะเข้าสู่วาระ 2-3 เหตุผิดหลักการไม่ได้ใช้เพื่อการแพทย์ โดยให้กลับไปปรับปรุงแก้ไข
• กสทช.เลื่อนลงมติดีลควบรวม TRUE-DTAC รอผลตีความของกฤษฎีกา
• ธปท.ระบุทุนสำรองฯ ลดลงกว่า 13%YTD จากดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลบาทอ่อน ยังไม่พบสัญญาณเงินทุนไหลออกผิดปกติ
• ททท. คาดจำนวน นทท. ต่างชาติปีนี้ตามเป้า 10 ล้านคน โดยตั้งแต่ต้นปีมี นทท. สะสมเกิน 5 ล้านคนแล้ว
กลยุทธ์การลงทุน
เรามองตลาดจะยังคงให้น้ำหนักกับความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยที่มีมากขึ้น หลังเฟดยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อคุมเงินเฟ้อ ขณะที่ยุโรปกำลังเผชิญกับเงินเฟ้อสูงและวิกฤตพลังงาน อีกทั้งจีนยังใช้นโยบาย Zero Covid ทำให้มีการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะๆ ซึ่งย่อมกระทบต่อการลงทุนในระยะถัดไป ทำให้มองดัชนีมี Upside จำกัด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีคุณภาพดีมีปัจจัยบวกเฉพาะเป็นหลัก
ล็อคเป้าลงทุน
Weekly Portfolio : แม้มองตลาดรับรู้ความเสี่ยงไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีโอกาสน้อยที่ Downside จะลงลึก แต่ช่วงสั้นคาดดัชนีหุ้นไทยยังมี Upside จำกัดเช่นกัน จึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้น Defensive ที่ผลประกอบการอิงเศรษฐกิจและกำลังซื้อในประเทศ เลือก ZEN HTC ADVANC
2) หุ้นที่คาดได้ Sentiment บวกจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งเป็นความเสี่ยงตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นใน ก.ย.-ต.ค. เลือก HMPRO GLOBAL CPALL BJC TASCO
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปัญหา Supply chain หลังจีนยังคงดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เมืองใหญ่เป็นระยะ ซึ่งมีโอกาสกดดันคำสั่งซื้อและการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตในไทย
2) หุ้นท่องเที่ยวหลังมองราคาหุ้นปรับขึ้นมาแรงแล้ว ขณะที่ล่าสุดอาจได้รับ sentiment ลบจากจีนกลับมาล็อกดาวน์และยุโรปเผชิญปัญหาค่าครองชีพพุ่ง
Daily Focus
BCP 2H65 คาดกำไรปกติแข็งแกร่ง หนุนจากค่าการตลาดดีขึ้น ผลขาดทุนสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันลดลง อีกทั้งธุรกิจ E&P จะสร้างกำไรเพิ่มขึ้นตามปริมาณขายและราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น กำไรธุรกิจพลังงานไฟฟ้าจะยังทรงตัว คาดปี 2565 คาดกำไรปกติที่ 2.16 หมื่นลบ. เติบโต 132.5%YoY
ADVANC เป็นหุ้นปลอดภัยในช่วงที่ตลาดผันผวน เนื่องจากพื้นฐานธุรกิจมั่นคง มีกระแสเงินสดดี และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลดีที่สุดในกลุ่ม โดยปี 2565 คาดมีกำไรปกติที่ 2.83 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 2.7% YoY ช่วงสั้นจัดเป็นอีกหุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ iPhone 14
ข่าวเด่น