เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ "ปรับลง ยังกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ย"


คาด SET ปรับตัวลง หลังเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกดดันดัชนี โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1567 และ 1560 จุด ตามลำดับ ส่วนกรอบบนถูกจำกัดที่ 1584-1592 จุด ประเด็นสำคัญ ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐในวันพฤหัสฯที่ 13 ต.ค. นี้ 


ประเด็นสำคัญ
 
• รัฐบาลจีนระบุชาวจีนท่องเที่ยวออกนอกป.ท.ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดวันชาติจีน 1 สัปดาห์ลดลง 18.2%YoY เพราะยังวิตกโควิด
 
• ปธน.ปูตินสั่งยกระดับมาตรการควบคุมสะพานไครเมียหลังเกิดระเบิดรุนแรง ขณะที่กองทัพยังเดินหน้าโจมตีเมืองที่ถูกยูเครนยึดกลับ
 
• FedWatch Tool เพิ่มคาดการณ์ Fed ขึ้น ด.บ. 0.75% ในการประชุม พ.ย. ที่ 92% หลังการจ้างงานนอกภาคเกษตร ก.ย. ดีกว่าคาด อัตราว่างงานลดลง
 
• IMF เตือน 1 ใน 3 ของ ศก. โลกจะหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาสในปีนี้-ปีหน้า โดย IMF จะปรับลดประมาณการ ศก. ปี 66 เป็นครั้งที่ 4 ทั้งยังเตือนวิกฤตหนี้ EM จากดอลลาร์แข็งค่า ด.บ. เงินกู้เพิ่ม ส่งผลให้เงินไหลออกจาก EM
 
• สหรัฐออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิปให้กับจีน หวั่นใช้ผลิตระบบทหาร
 
• สรท. คาดส่งออกชะลอ 4Q65-ปี 66 จาก ด.บ. ขาขึ้น-ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์-พลังงานแพง แนะภาครัฐหาตลาดส่งออกใหม่ ดูแลค่าพลังงาน-ค่าเงินบาท
 
• สศอ. รายงาน MPI ส.ค. +14.52%YoY จับตา 1-2 เดือนหน้า ภาคอุตฯ ได้รับผลกระทบ ศก.ถดถอยใน ปท.คู่ค้า-ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์-ค่าเงินผันผวน
 
• ผู้ประกอบการอสังหาฯ ขอภาครัฐขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมโอน-ขยายเวลาเกณฑ์ LTV อีก 1 ปี หลังเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตลาดจะรับรู้ความเสี่ยงการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวของหลายประเทศไประดับนึงแล้ว ทำให้มอง Downside ลงลึกจะจำกัด แต่มองการปรับขึ้นหรือ Upside ก็จะถูกจำกัดเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความเสี่ยงการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งสัปดาห์นี้ไทยจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ดังนั้นช่วงสั้นการลงทุนจึงยังต้องระมัดระวังความผันผวนของดัชนี

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองยังต้องระมัดระวังความผันผวนของดัชนีจากแรงกดดันของความเสี่ยงภายนอก คาดทำให้ Upside ถูกจำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่ต้านทานความเสี่ยงภายนอกและการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ ดังนี้
 
1) หุ้นธนาคาร ซึ่งคาดกำไร 3Q65 ออกมาเติบโตดี และมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์มากสุดจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เลือก BBL KTB KBANK
 
2) หุ้นกลุ่มอื่น ซึ่งคาดจะพรีวิวโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่งใน 3Q65 เลือก HMPRO CRC CPF ZEN SNNP AOT
 
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
 
1) หุ้นโรงกลั่น หลังคาดงบ 3Q65 อาจได้รับผลกระทบค่าการกลั่นลดลง และขาดทุนสต็อก โดยเฉพาะ บจ. ที่ไม่ได้ทำ Hedging
 
2) หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
 
3) หุ้นปาล์ม ซึ่งคาดผลประกอบการยังถูกกดดันจากราคาปาล์มที่อยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากมีผลผลิตปาล์มที่สูงขึ้นในอินโดนีเซียและมาเลเซีย รวมทั้งหุ้นน้ำตาล หลังคาดผลผลิตน้ำตาลโลกจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ดีในบราซิล อินเดีย และไทย

Daily Focus

PTT ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการเนื่องจากราคาน้ำมันยังแข็งแกร่ง ถึงแม้ 2H65 คาดกำไรจะอ่อนตัวลงบ้าง HoH จากการลดลงของกำไรสต็อกและ GRM ที่สูงผิดปกติใน 1H65 โดยทั้งปี 65 คาดกำไรปกติจะเติบโต 9.2%YoY สู่ระดับ 1.6 แสนลบ. นอกจากนี้ราคาหุ้นยังถือว่า Laggard กลุ่มอยู่มาก

BDMS เป็นหุ้น Defensive ซึ่ง 2H65 กำไรจะปรับตัวขึ้น จากบริการที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดผู้ป่วยต่างชาติ ขณะที่ทั้งปี 65 คาดกำไรปกติจะเติบโต 43% สู่ 1.1 หมื่นลบ.อีกทั้งมองราคาหุ้น BDMS ยังปรับขึ้นช้ากว่าหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 10% เทียบกับ BH ที่เพิ่มขึ้น 24%
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 ต.ค. 2565 เวลา : 10:21:25
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 1:02 am