เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ "แกว่งในกรอบถึงอ่อนตัว ก่อนหยุดยาว และรอเงินเฟ้อสหรัฐ"


คาด SET แกว่งในกรอบระหว่าง 1558-1573 จุด ไปจนถึงอ่อนตัวได้ จากแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว และในช่วง SET ปิดทำการ มีประเด็นสำคัญสำหรับรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในคืนวันพฤหัสฯ โดยการอ่อนตัวมีแนวรับถัดไปที่ 1550 จุด ส่วนการฟื้นตัวถูกจำกัดที่แนวต้าน 1573 และ 1582 จุด ตามลำดับ


ประเด็นสำคัญ
 
• IMF ปรับลดคาดการณ์ GDP โลกปีหน้าที่ 2.7%YoY ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2544 คาด ศก. โลกมากกว่า 1 ใน 3 จะเข้าสู่ภาวะ ศก. หดตัวในปีนี้หรือปีหน้า 
 
• ตลาดคาด CPI ทั่วไป ก.ย. ของสหรัฐที่ 8.1%YoY ยังอยู่ในระดับสูงแม้ลดลงจาก ส.ค. ที่ 8.3%YoY ส่วน CPI พื้นฐาน คาด +6.5% จาก ส.ค. ที่ 6.3%YoY
 
• จีนเพิ่มมาตรการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขยายเวลากักตัวในเมืองเซี่ยงไฮ้และเมืองใหญ่อื่นๆ ก่อนการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน 16 ต.ค.นี้
 
• กนง.ชี้แจง ก.คลัง หลังเงินเฟ้อสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 1-3% จากแรงกดดันด้านอุปทาน คาดกลับสู่เป้าหมายกลางปีหน้า ขณะที่ขึ้น ด.บ. ค่อยเป็นค่อยไป
 
• รัฐบาลเตรียมมาตรการเยียวยาหลังน้ำท่วม รวมทั้งขยายเวลาโครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกันเพื่อกระตุ้น ศก. ปลายปี วงเงินรวมกว่า 2.3 หมื่นลบ.
 
• TRUE-DTAC ยื่นหนังสือขอ กสทช. เร่งพิจารณาดีลควบรวมธุรกิจโดยด่วน โดยหากบอร์ด กสทช. พิจารณาวันนี้ไม่เสร็จจะประชุมอีกครั้ง 19 ต.ค. นี้
 
• ITD แจ้ง บ. ย่อยได้รับมอบประทานบัตรเหมืองแร่โปแตช จ.อุดรฯ เวลา 25 ปี
ธ. ออมสินเตรียมปล่อยสินเชื่อที่ดิน-ขายฝาก-จำนอง 1 ธ.ค. 65 นี้
 
• กรมอุตุฯ แจ้งเตือนพายุลูกใหม่ก่อตัวในอีก 48 ชม. ข้างหน้า คาดเข้าไทยเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ผ่านภาคอีสาน ภาคกลาง 15-16 ต.ค.นี้

แม้ตลาดจะรับรู้ความเสี่ยงการดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวของหลายประเทศไประดับนึงแล้ว ทำให้มอง Downside ลงลึกจะจำกัด แต่มองการปรับขึ้นหรือ Upside ก็จะถูกจำกัดเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความเสี่ยงการถดถอยของภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งสัปดาห์นี้ไทยจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ดังนั้นช่วงสั้นการลงทุนจึงยังต้องระมัดระวังความผันผวนของดัชนี

Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมองยังต้องระมัดระวังความผันผวนของดัชนีจากแรงกดดันของความเสี่ยงภายนอก คาดทำให้ Upside ถูกจำกัด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective Buy ในหุ้นที่ต้านทานความเสี่ยงภายนอกและการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ ดังนี้
 
1) หุ้นธนาคาร ซึ่งคาดกำไร 3Q65 ออกมาเติบโตดี และมีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์มากสุดจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น เลือก BBL KTB KBANK
 
2) หุ้นกลุ่มอื่น ซึ่งคาดจะพรีวิวโมเมนตัมกำไรยังแข็งแกร่งใน 3Q65 เลือก HMPRO CRC CPF ZEN SNNP AOT
 
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
 
1) หุ้นโรงกลั่น หลังคาดงบ 3Q65 อาจได้รับผลกระทบค่าการกลั่นลดลง และขาดทุนสต็อก โดยเฉพาะ บจ. ที่ไม่ได้ทำ Hedging
 
2) หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
 
3) หุ้นปาล์ม ซึ่งคาดผลประกอบการยังถูกกดดันจากราคาปาล์มที่อยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากมีผลผลิตปาล์มที่สูงขึ้นในอินโดนีเซียและมาเลเซีย รวมทั้งหุ้นน้ำตาล หลังคาดผลผลิตน้ำตาลโลกจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่ดีในบราซิล อินเดีย และไทย

CPALL มองได้ Sentiment บวกจากการปลดล็อกความกังวลเรื่องการก่อหนี้หลัง
MAKRO (CPALL ถือ 34.97%) เผยไม่เข้าร่วมประมูลซื่อ Metro อินเดีย ขณะที่ 3Q65 คาดกำไรดีขึ้น YoY แรงหนุนจากธุรกิจ CVS และส่วนแบ่งกำไรจาก MAKRO ที่ดีขึ้นจากฐานต่ำของปีก่อนและ synergy จาก MAKRO กับ Lotus’s
 
SCGP 3Q65 คาดกำไรปกติที่ 1.73 พันลบ. เติบโต 14%YoY จากฐานต่ำของ 3Q64 จากการล็อกดาวน์ และการรับรู้กำไรของบริษัทที่ได้มาจากทำ M&P เพิ่มมากขึ้น แต่ลดลง 9%QoQ จากปริมาณการขายและมาร์จิ้นที่ลดลง ขณะที่ 4Q65 คาดกำไรจะเพิ่มขึ้น YoY จากฐานต่ำ และ QoQ จากมาร์จิ้นที่กว้างขึ้น 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 ต.ค. 2565 เวลา : 10:15:43
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 3:02 am