การค้า-อุตสาหกรรม
'อาเซียน' เร่งขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ AEC หลังปี 68 ดันพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน เตรียมชง AEM 20 - 22 มี.ค.นี้


‘อาเซียน’ ประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (HLTF-EI) ครั้งที่ 43 ที่อินโดนีเซีย ขับเคลื่อนการจัดทำวิสัยทัศน์ AEC หลังปี 68 เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอาเซียน มุ่งหาแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ทั้งความร่วมมือภาคทะเล ความมั่นคงทางพลังงาน เสริมแกร่งด้านยานยนต์ไฟฟ้า และความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมเตรียมข้อเสนอแนะชงที่ประชุม AEM 20-22 มี.ค.นี้

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นายกีรติ รัชโน) ให้เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High Level Task Force on ASEAN Economic Integration: HLTF-EI) ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 1-3 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองเบลีตุง ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อขับเคลื่อนประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ของอาเซียน โดยเฉพาะการจัดทำวิสัยทัศน์ของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหลังปี 2568 (AEC Post-2025 Vision) รวมทั้งวางแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และหาแนวทางเสริมความแข็งแกร่งด้านการค้าการลงทุนภายในอาเซียน พร้อมได้จัดทำข้อเสนอแนะเรื่องดังกล่าว เตรียมเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 20–22 มีนาคมนี้

 
นางสาวโชติมา กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นในการจัดทำวิสัยทัศน์ AEC หลังปี 2568 ว่า ควรมีประเด็นเกี่ยวกับการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของอาเซียนในอนาคตด้วยปัจจัยใหม่ๆ อาทิ การมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก เศรษฐกิจสร้างสรรค์ นวัตกรรมช่วยเพิ่มการผลิต การเตรียมพร้อมสำหรับโอกาสและความท้าทาย การมีส่วนร่วมกับประเทศนอกภูมิภาค และมีกลไกติดตามการทำงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มจัดทำโครงร่างและองค์ประกอบแผนงานของวิสัยทัศน์ดังกล่าวแล้ว โดยจะต้องหารือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างครอบคลุมมากขึ้น เพื่อให้ได้ความเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมุมมองต่อพลวัตด้านเศรษฐกิจในอนาคตให้มากที่สุด เนื่องจากจะเป็นแผนงานที่ครอบคลุมระยะเวลาถึง 20 ปี
 
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือแนวนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเสาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่จะผลักดันให้สำเร็จในวาระการเป็นประธานอาเซียนของอินโดนีเซียในปีนี้ ทั้งการจัดทำกรอบความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภาคทะเล (Blue Economy) การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อความมั่นคงทางพลังงานและเพิ่มสัดส่วนของการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนพลังงานจากฟอสซิล และการส่งเสริมศักยภาพด้านยานยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะการมีระบบนิเวศรองรับ โดยเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าว จะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกับประเด็นภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งจะสนับสนุนการดำเนินการเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียน ยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ของภูมิภาค และเป็นกลไกใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอาเซียนในอนาคต

 
ทั้งนี้ ในปี 2565 การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 124,890.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+12.7%) เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 71,891.19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+10.6%) และไทยนำเข้าอาเซียน มูลค่า 52,999.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (+15.9%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และแผงวงจรไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เคมีภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 13 มี.ค. 2566 เวลา : 12:28:18
01-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 1, 2024, 2:47 pm