เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "1600 จุด ก็แค่ปากซอย"


ภาพรวมของดัชนีดูดีขึ้นจากสัญญาณเทคนิคที่แสดงการกลับตัว โดยเมื่อวานปิดยืนเหนือ Gap ที่เคยเปิดไว้ได้บริเวณ 1574 จุด ขณะที่ปัญหาภาคธนาคารตลาดคลายกังวล ทำให้ดัชนีมีแนวโน้มฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1585 และ 1600 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1567 และ 1555 จุด ที่คาดเป็นจุดรองรับได้ ประเด็นสำคัญ ติดตามผลประชุมเฟดคืนนี้

ประเด็นสำคัญ

FedWatch Tool ให้น้ำหนัก 84.9% ที่ Fed จะขึ้น ด.บ. 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% และให้น้ำหนักเพียง 15.1% ที่จะคง ด.บ. ในการประชุมวันนี้

รมว. คลังสหรัฐเชื่อมั่นระบบธนาคารของสหรัฐมีเสถียรภาพ หลังมีข่าวว่า ก. คลังสหรัฐกำลังหาแนวทางให้ FDIC คุ้มครองเงินฝากได้ทั้ง 100% จากปัจจุบันที่ให้การคุ้มครองไม่เกิน 2.5 แสนเหรียญ

ปธน. สิจิ้นผิง หารือต่อวันที่ 2 เกี่ยวกับข้อเสนอของจีนยุติสงครามยูเครน โดย ปธน. ปูติน ระบุสามารถใช้เป็นพื้นฐานเจรจาสันติภาพ รวมทั้งเห็นพ้องว่าสงครามนิวเคลียร์จะต้องไม่เกิดขึ้น

ครม. รับทราบ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ขณะที่ กกต. กำหนดวันเลือกตั้งเป็น14 พ.ค. เปิดรับสมัคร สส. แบบแบ่งเขต 3-7 เม.ย.

ม.หอการค้าไทยประเมินอานิสงส์เลือกตั้งมีเม็ดเเงินสะพัด 1.2 แสนลบ. หนุน GDP เพิ่มอีก 0.5-0.7% คาดจะมีการตั้ง รบ.ใหม่และเปิดสภาฯ ได้ในปลาย 3Q-4Q66 หนุน ศก. ไทยฟื้นตัวเร็ว คาด GDP ปีนี้โต 3.35-3.82% โดยต้องการให้ รบ.ใหม่ช่วยดูแลต้นทุนการผลิต-เร่งเบิกจ่ายงบฯ-ส่งเสริมท่องเที่ยว-ดูแลค่าเงินบาท-ดูแลหนี้ครัวเรือน

กลยุทธ์การลงทุน
 
ช่วงสั้นมอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1500-1580 จุด และยากจะฟื้นตัวได้แรง หลังนักลงทุนยังระมัดระวังและรอประเมินผลกระทบวิกฤติภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรปที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE ในสัปดาห์นี้ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงคงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน
 
Weekly Portfolio : มอง SET แกว่งตัวผันผวนในกรอบระหว่างรอประเมินผลกระทบของธนาคารในสหรัฐและยุโรป รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของ FED และ BoE กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยเน้นรอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ดังนี้

1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps ซึ่งจะทำให้ Bond Yield ปรับขึ้นต่อ กดดันให้ตลาดจะเพิ่มความกังวลที่มีต่อภาคธนาคารและภาวะเศรษฐกิจโลก แนะนำกลุ่ม Defensive เลือก BDMS ADVANC

2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ และต้องการเก็งกำไร กรณี FED มีมติปรับคงดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความช่วยเหลือต่อภาคสถาบันการเงิน แนะนำกลุ่มธนาคาร เลือก BBL KBANK 

3) นักลงทุนรับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร หลัง SET หลุด 1600 แนะนำหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่ง ราคาหุ้นปรับลงแรง YTD และแย่กว่า SET เลือก PTTEP HMPRO CPALL SCGP GULF ขณะที่ผู้ที่มีหุ้นชุดนี้แล้ว แนะนำรอจังหวะขายเมื่อมีกำไร หรือ SET กลับไปบริเวณ 1600

ขณะที่ช่วงสั้นหุ้นแนะนำให้ระมัดระวังการลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงราคาปรับตัวลงหรือ Underperform ตลาด สำหรับ
1) หุ้นที่โดนปรับลดประมาณการกำไรหรือ Downgrade/ราคามี Downside/มีปัจจัยเสี่ยงรออยู่ ได้แก่ AEONTS BEM SAWAD TCAP TIDLOR TLI TTB MST MTC TQM
2) หุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการ 1Q66 คาดยังหดตัวต่อ YoY และ QoQ ได้แก่ GFPT CPF BTS ASP

Daily focus

BBL ปี 2566 คาดกำไรเติบโต 50%YoY สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร อีกทั้งมองมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการกลับเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น

BCP ปี 2566 คาดกำไรสุทธิจะดีขึ้นจากขาดทุนสินค้าคงเหลือและสัญญาประกันความเสี่ยงจะลดลง อีกทั้งมองยังได้อานิสงส์จากค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีและผลบวกจากจีนเปิดประเทศทำให้ความต้องการใช้น้ำมันดีขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 22 มี.ค. 2566 เวลา : 10:40:30
04-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 4, 2024, 5:50 am