เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ไร้ปัจจัยหนุน แต่แอบลุ้นรีบาวด์"


SET ทำโลว์ใหม่ หลุดระดับ 1490-1500 จุด ลงมาและไหลลงต่อเนื่อง ตลาดไร้ปัจจัยหนุน แต่สัญญาณเทคนิคแสดงภาวะ divergence ทำให้ยังให้ติดตามแนวรับในแต่ละระดับ เพื่อลุ้นรีบาวด์ โดยถัดไปอยู่ที่ 1480 และ 1465 จุด ตามลำดับ ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1490-1500 จุด หากขึ้นทะลุผ่านได้ จะเป็นสัญญาณที่ดี

ประเด็นสำคัญ
 
สสว. รายงานดัชนีเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME พ.ค. อยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงจากระดับ 55.3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในทุกองค์ประกอบ ผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านต้นทุน

สรท. คาดส่งออก 2H66 ขยายตัว 4% สินค้าเกษตร ข้าว น้ำตาล ขยายตัวดี แม้ พ.ค. ยังติดลบ 5% ส่งผลให้การส่งออกปีนี้คาดโตได้เกิน 0% แนะนำจับตาค่าเงินบาทหากแข็งค่าเกิน 33 บ./ดอลลาร์จะกระทบส่งออก

FETCO คาดหวังตั้งรัฐบาลใหม่ มีเสถียรภาพการเมือง สร้างความมั่นใจทาง ศก. เพิ่มขึ้น ประเมินครึ่งปีหลังขยายตัวหนุนจากการท่องเที่ยวและการลงทุนจากจีน แต่จับตาปัจจัยเสี่ยงภายนอกจากความไม่แน่นอน ศก. โลก

รมว. คลังสหรัฐ เตรียมเดินทางเยือนจีนในเดือน ก.ค. นี้ ขณะที่สหรัฐ เตรียมควบคุมการลงทุนในจีน

Ifo รายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือน มิ.ย. บ่งชี้ว่า ศก. เยอรมนียังไม่ฟื้นตัวจากภาวะถดถอย

มอง SET จะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ และมี Upside จำกัด หลังยังไม่มีปัจจัยใหม่มาช่วยกระตุ้นบรรยากาศการลงทุน โดยภาพรวมคาดเงินเฟ้อของสหรัฐและยุโรปจะยังกดดันให้
ตลาดกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ส่วนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ล่าช้ากว่าตลาดคาดและการรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยจะยังเป็นปัจจัยลบระยะสั้นต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นไทย ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน 

Weekly Portfolio : มองความเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศยังกดดันการลงทุนทำให้ SET มี Upside จำกัด  กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้

1. หุ้นที่คาดผลการดำเนินงาน 2Q66 จะยังเติบโตได้ดี YoY เลือก AOT BBL ADVANC MINT OSP BDMS BEM

2. หุ้นสู้วิกฤติ ซึ่งคาดราคาจะทยอยฟื้นตัวได้ดีใน 1 เดือน หลังปรับตัวลงมาแรงเนื่องจากสิ้นสุดการเลือกตั้งไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 66 เลือก BH BTS CHG CPALL

ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ 1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ และ 2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังน้ำ (CKP) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

Daily focus

PTTEP ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น การผลิตก๊าซฯ จากแหล่ง G1/61 เพิ่มเป็น 400 mmcfd ใน ก.ค. จาก 210 mmcfd ใน 1Q66 และคาดจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ตามสัญญาใน เม.ย. 67 คาด Div. Yield ที่ 4-5% ราคาหุ้นยังมีส่วนลดเทียบกับสมมติฐานราคาน้ำมันที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล

CPALL 2Q66 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY โดยเกิดจากยอดขายที่ดีขึ้นทั้งธุรกิจ CVS และ MAKRO แต่จะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ 2H66 กำไรจะดีขึ้น HoH จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลงหลังจากรีไฟแนนซ์หนี้ของ MAKRO เสร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.
 
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 มิ.ย. 2566 เวลา : 10:38:28
27-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 27, 2024, 2:58 pm