เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการทำธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้เปิดแถลงข่าวหัวข้อ “การกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยภายใต้บริบทใหม่เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน” ณ ห้องประชุม โรงแรมไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี โดยดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการทำธุรกิจประกันภัย ที่กำลังจะครบวาระการดำรงตำแหน่งเลขาธิการ คปภ.ในวันที่ 31 ต.ค.2566 หลังดำรงตำแหน่งดังกล่าวมา 8 ปี 2 สมัย ได้กล่าวถึงภารกิจที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และภารกิจที่ยังคั่งค้างอยู่ ซึ่งฝากให้เลขาธิการ คปภ.คนใหม่ ช่วยสานต่อให้เป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออุตสาหกรรมประกันภัยและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะ การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ทางด้าน Insurtech (อินชัวร์เทค) ซึ่งเป็นนวัตกรรมประกันภัยแห่งอนาคต สู่ Digital Insurance มาใช้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ตั้ง Center of Insurance Thailand (CIT) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมด้าน Insurance ให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันภัยได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็น Application แพลตฟอร์ม“Me Claim” และ OTC Gateway รวมถึง Chatbot “คปภ.รอบรู้”
“ผมฝันไว้อยากให้ Insurtech ของไทย เป็น Hub ของอาเซียน ให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมประกันภัย ที่ผ่านมา คปภ.จึงส่งเสริมสตาร์ทอัพ ให้ทำ Insurtech”ดร.สุทธิพล กล่าวและว่า นอกจากนี้ ก็จะมีเรื่อง Insurtech Regulatory Sandbox การทดสอบระบบประกันภัยใหม่ๆ ที่อยากให้เลขาธิการ คปภ.คนใหม่ช่วยสานต่อ
ดร.สุทธิพล กล่าวย้ำถึงบทสรุปสิ่งที่ตนได้ดำเนินการไปแล้วและจำเป็นต้องให้เลขาธิการ คปภ.คนใหม่มาสานต่อ จะมี 4 มิติด้วยกัน ได้แก่
มิติที่ 1 ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแล
-ต้องทำให้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลมีความยืดหยุ่น
-ผลักดันกฎหมายแม่บทด้านประกันภัยที่ยังค้างอยู่
-ขับเคลื่อนร่าง พ.ร.บ.ประกันภัยทางทะเล ให้สำเร็จ
มิติที่ 2 ส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้กับภาคธุรกิจประกันภัย เพื่อมุ่งไปสู่ Digital Insurance อย่างเต็มรูปแบบ
-เร่งส่งเสริมให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีและใช้เทคโนโลยีอย่างจริงจัง
-พัฒนาระบบประกันภัยไปสู่ดิจิทัล
-การนำนวัตกรรม Tech Trends มาใช้กับการให้บริการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย
-ดึงเทคโนโลยีมาช่วย Tailor Made เพื่อพัฒนาแผนและเบี้ยประกันภัย
-เพิ่มศักยภาพช่องทางดิจิทัล ขยายระบบนิเวศการขายให้มีประสิทธิภาพ
มิติที่ 3 ขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัย มุ่งสู่ Sustainable Insurance
-โดยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจประกันภัย มุ่งสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง ด้วยการกำกับดูแลบริษัทประกันภัยเชิงรุก (Forward looking and Pro-active Intervention)
-การดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental Social Governance : ESG)
-การเชื่อมโยงและลิงค์ข้อมูลต่างๆ ด้านประกันภัยในอาเซียน
มิติที่ 4 ยกระดับการกำกับดูแลและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย
-ทำให้ประเทศไทยเป็น Insurtech Hub สำหรับ Region ผลักดันศูนย์ CITให้เป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้านการประกันภัยให้กับประเทศในกลุ่ม CLMV
-ยกระดับสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางวิชาการของอาเซียน
“ผมมองว่าหัวใจสำคัญที่สุด คือ การทำให้อุตสาหกรรมประกันภัยทั้งระบบเป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นของประชาชนเพิ่มมากขึ้น แต่มีโจทย์ จะทำอย่างไรให้ประกันภัย อยู่ในใจประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาหลายสิ่งยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น แต่หากได้รับการพัฒนาต่อจนประสบความสำเร็จเต็ม Scaie เชื่อว่าประโยชน์จะตกแก่ประชาชนและประเทศชาติต่อไป”ดร.สุทธิพล กล่าว
ข่าวเด่น