การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
"กรุงเทพโพลล์" กับผลสำรวจเรื่อง "คนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ประจำไตรมาสสอง/2566 "


 
จากการสำรวจประจำไตรมาสสอง/2566 ประชาชนเห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในกอนาคตลดลงจากไตรมาสแรก โดยลดลงจากร้อยละ 62.4 เป็นร้อยละ 61.5 โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 50.1 เห็นว่า ปัญหาข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง เป็นสาเหตุที่ไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.5 เห็นว่าการได้รัฐบาลใหม่ จะมีผลมากถึงมากที่สุดต่อการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่

กรุงเทพโพลล์ ร่วมกับคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจและการบริหารกิจการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “คนไทยคิดอย่างไรกับโอกาสในการเป็นเจ้าของธุรกิจ ประจำไตรมาสสอง/2566 ”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,231 คน พบว่า

การสำรวจความเห็นเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (เจ้าของธุรกิจ) ประจำไตรมาสสอง/2566 โดยได้ทำการเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งที่ผ่านมา (ช่วงเดือน มี.ค. 2566) ในประเด็นต่างๆ พบว่า ประชาชนเห็นโอกาสหรือความพร้อมสำหรับการริเริ่มธุรกิจในอนาคตมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 61.5 (โดยลดลงร้อยละ 0.9) รองลงมาคือ มีความตั้งใจที่จะประกอบธุรกิจ ในอนาคตข้างหน้า คิดเป็นร้อยละ 55.6 (ลดลงร้อยละ 0.7) และเห็นว่าตนเองมีความรู้ความสามารถรวมถึงทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการที่จะเริ่มทำธุรกิจใหม่ คิดเป็นร้อยละ 48.8 (ลดลงร้อยละ 2.4) ขณะที่เห็นว่าไม่อยากลงทุนทำธุรกิจเพราะกลัวความล้มเหลว คิดเป็นร้อยละ 68.2 (เพิ่มขึ้น ร้อยละ 2.4) 

ทั้งนี้สาเหตุที่ไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองมากที่สุดคือ ปัญหาข้าวของราคาแพง  ค่าครองชีพสูง  คิดเป็นร้อยละ 50.1 รองลงมาคือ กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน คิดเป็นร้อยละ 48.0 ไม่มีเงินทุนมากพอ คิดเป็นร้อยละ 46.7 น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ราคาสูงขึ้นคิดเป็นร้อยละ 44.6  และคิดว่างานที่ทำอยู่มั่นคงแล้ว เลี้ยงตัวเองได้แล้ว คิดเป็นร้อยละ 34.2

สุดท้ายเมื่อถามว่าหากได้รัฐบาลชุดใหม่ จะมีผลมากน้อยเพียงใดต่อการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.5 เห็นว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่อการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ขณะที่ร้อยละ 28.5 เห็นว่ามีผลค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด

โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ประเด็นคำถามเกี่ยวกับจิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ (เจ้าของธุรกิจ)
 

2. สาเหตุที่ท่านไม่กล้าเริ่มต้นธุรกิจของตัวท่านเอง (เลือกตอบได้มากกว่า1 ข้อ)

ปัญหาข้าวของราคาแพง ค่าครองชีพสูง ร้อยละ 50.1
กลัวล้มเหลว กลัวขาดทุน ร้อยละ 48.0
ไม่มีเงินทุนมากพอ ร้อยละ 46.7
น้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆ ราคาสูงขึ้น ร้อยละ 44.6
คิดว่างานที่ทำอยู่มั่นคงแล้ว เลี้ยงตัวเองได้แล้ว ร้อยละ 34.2
ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ ร้อยละ 32.3
ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำธุรกิจอะไรดี ร้อยละ 28.9
หากไม่สำเร็จกลัวคนในครอบครัวจะเดือดร้อน แบกภาระหนี้ร่วมกัน ร้อยละ 28.6
นโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ / เงินเดือนปริญญาตรี ร้อยละ 25.0
กลัวทำแล้วเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน เช่น โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ร้อยละ 24.1
คิดว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นใหม่ ร้อยละ 16.0
กลัวการเริ่มต้นว่าจะทำไม่ได้ ร้อยละ 14.2
อื่นๆ อาทิ การเมืองยังไม่นิ่ง มีปัญหาสุขภาพ สภาพเศรษฐกิจยังไม่ดี ร้อยละ 6.6

3. ข้อคำถาม “ท่านคิดว่าหากได้รัฐบาลชุดใหม่ จะมีผลมากน้อยเพียงใดต่อการตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจใหม่”
 
ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 71.5
(โดยแบ่งเป็น ค่อนข้างมาก ร้อยละ 54.3 และมากที่สุด ร้อยละ 17.2)
ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ร้อยละ 28.5
(โดยแบ่งเป็น ค่อนข้างน้อย ร้อยละ 18.6 และน้อยที่สุด ร้อยละ 9.9)

รายละเอียดในการสำรวจ

วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
 
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับจิตวิญญาณความเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจของคนไทยประจำไตรมาสสอง/2566 ในประเด็นต่างๆ รวมถึงเหตุผลที่ทำให้ไม่กล้าเริ่มธุรกิจเป็นของตนเอง ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ 

ประชากรที่สนใจศึกษา
 
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  ± 3 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล   :  26 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2566

วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ   :  8 กรกฎาคม 2566
 

 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 ก.ค. 2566 เวลา : 20:01:23
03-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 3, 2024, 2:22 pm