ไอที
Special report: AI เป็นภัยต่อมนุษย์หรือไม่? EP.2 วาระซ่อนเร้นของการแข่งขันทางธุรกิจ


 

ย้อนกลับไปที่ไทม์ไลน์การเริ่มต้นบริษัท OpenAI อดีต 1 ในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพนี้ ก็คือตัวของ “อีลอน มัสก์” นั่นเอง  อีกทั้งเขายังให้การสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ OpenAI โดยเขาเคยสัญญาว่าจะให้เงินราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับ OpenAI แต่เขาก็ได้แยกทางกับ OpenAI เนื่องจากเขามีความคิดเห็นที่ขัดแย้ง และไม่เห็นด้วยกับทิศทางของ OpenAI มาโดยตลอด โดยเจ้าตัวได้ชี้แจงถึงเหตุผลว่าบริษัทประกาศจุดยืนว่าจะทำธุรกิจเพื่อผลกำไร ซึ่งภายหลังก็กลายมาเป็น Microsoft แทนที่เขามาสนับสนุนด้านเงินลงทุนตามที่กล่าวไปข้างต้น

และที่ผ่านมาหลังจากแยกตัวไปแล้ว อีลอน มัสก์ ก็ยังมีการแสดงความคิดเห็นโจมตี OpenAI อยู่หลายครั้ง โดยมีการกล่าวถึงมุมมองของเขาที่มีต่อ ChatGPT ต่อผู้สื่อข่าวว่า OpenAI นั้นสอนให้ AI โกหก และมุ่งแต่การแสวงหาแต่กำไรหลังจากที่บริษัทเริ่มเก็บค่าบริการการใช้งาน ChatGPT ซึ่งถ้าเอาเหตุการณ์นี้รวมกับเหตุการณ์ลงนามจดหมายเปิดผนึกโดยอ้างอิงความฉลาดของ AI เทียบเท่ากับ ChatGPT 4 ก็จะเห็นได้ว่า อีลอน มัสก์ ดูจะมุ่งเป้าไปที่ OpenAI อยู่ตลอดจริงๆ สอดคล้องกับ แซม อัลท์แมน ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO ของ OpenAI ก็เคยระบุว่า อีลอน มัสก์ นั้น เขียนโจมตี OpenAI บน Twitter ของเขาอย่างชัดเจน รวมถึงเจมส์ กริมเมลมันน์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายดิจิทัลและข้อมูลแห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนลกล่าวว่า อีลอน มัสก์ แกล้งทำเป็นลงนาม เพราะในตอนนี้ Tesla ยังต่อสู้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องรับผิดชอบจากความผิดพลาดของ AI ในระบบรถยนต์ไร้คนขับอยู่เลย  

ซึ่งหากดูในมุมของบริษัทที่อีลอน มัสก์เป็นเจ้าของ บริษัท Tesla ที่จำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็มีการพัฒนาระบบ AI มาใช้เช่นกันสำหรับขับเคลื่อนยานพาหนะ และล่าสุดภายหลังการลงนามจดหมายดังกล่าว เขาเองก็กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า X.AI เป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อมาแข่งขันโดยตรงกับ OpenAI ผู้พัฒนา ChatBot อย่างChatGPT โดยตั้งชื่อว่า “TruthGPT” โดยระบุว่าจะเป็น AI ที่สร้างขึ้นเพื่อพยายามทำความเข้าใจธรรมชาติ และความจริงของจักรวาล และที่สำคัญคือไม่ทำอันตรายกับมนุษย์ ซึ่งก่อนการเปิดตัว อีลอน มัสก์ได้สั่งซื้อ GPU โปรเซสเซอร์ ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่มีความจำเป็นสำหรับการสร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่จากผู้ผลิต NVIDIA นับพันชิ้น และแหล่งข่าวของ The Financial Times ก็ให้ข้อมูลว่า อีลอน มัสก์กำลังสร้างทีมที่มีทั้งนักวิจัยและวิศวกร รวมถึงเริ่มมีการพูดคุยกับนักลงทุนมาระยะหนึ่งแล้วสำหรับการก่อตั้งบริษัท AI ของเขา

จาก Movement ของอีลอน มัสก์ดังกล่าว จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงก่อนหน้าเขายังลงนามจดหมายที่เรียกร้องให้บริษัทเทคฯหยุดการพัฒนา AI ไม่ให้ฉลาดไปกว่า ChatGPT 4 แต่แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่ถึงเดือน อีลอน มัสก์ ก็เปิดตัวโปรเจค TruthGPT ซึ่งจะเป็นการท้าชนกับ ChatGPT โดยตรง ทำให้เกิดการเคลือบแคลงใจสงสัยว่าสรุปแล้ว AI จะมีแนวโน้มที่จะเป็นภัยต่อมวลมนุษยชาติจริงๆหรือไม่? ซึ่งหากอ้างอิงจากมุมมองของคนอื่นๆอย่างแกรี่ มาร์คัส ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กที่ลงนามในจดหมายเปิดผนึกร่วมกับอีลอน มัสก์ กล่าวว่า การลงนามจดหมายอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่จิตวิญญาณนั้นถูกต้อง เราต้องชะลอการพัฒนา AI จนกว่าจะเข้าใจ AI มากกว่านี้ และเนื่องจากมีบริษัทด้าน AI หรือมีการพัฒนา AI ขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ประชาชนไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าสังคมป้องกันอันตรายจาก AI ได้มีประสิทธิภาพมากพอหรือไม่ในช่วงเวลานี้

ส่วนเจมส์ กริมเมลมันน์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายดิจิทัลและข้อมูลแห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนล ที่กล่าวโจมตีอีลอน มัสก์ในประเด็นลงนามจดหมาย ก็มีส่วนเห็นด้วยว่าการหยุดพัฒนา AI ชั่วคราวเป็นความคิดที่ดี (แต่จดหมายนั้นคลุมเครือและไม่ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาการกำกับดูแลอย่างจริงจัง) และทางด้านของ แซม อัลท์แมน CEO ของ OpenAI ได้ออกมาตอบโต้จดหมายดังกล่าวว่าเขาเห็นด้วยกับบางส่วนของจดหมายเปิดผนึกที่เรียกร้องให้ระงับการพัฒนา AI ชั่วคราว แต่จดหมายดังกล่าวขาดรายละเอียดทางเทคนิคที่ชัดเจน อย่างการไม่ได้บอกว่าการพัฒนาในส่วนไหนที่ควรจะถูกหยุด และตัว ChatGPT เอง ทาง OpenAI ก็มีการเพิ่มความระมัดระวังและความเข้มงวดในด้านความปลอดภัยของการใช้งาน AI และไม่เชื่อว่าการทำตามคำแนะนำในจดหมายทั้งหมดจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา

จากที่กล่าวมาตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ยังมีเสียงที่แตกออกเป็นสองฝั่ง รวมถึงประเด็นที่อาจจะเป็นวาระซ่อนเร้นระหว่างอีลอน มัสก์ กับทาง OpenAI จึงยังไม่มีมูลที่แน่ชัดในประเด็นความกังวลของการพัฒนา  AI ได้อย่างแน่ชัด และถ้าหากทางผู้อ่านลองมาลงลึกถึงคุณลักษณะของ AI จะพบว่า AI สามารถแบ่งออกได้ตามระดับสติปัญญาอยู่ 3 จำพวกด้วยกัน ได้แก่ ANI AGI และ ASI

1. ANI (Artificial Narrow Intelligence) เป็น AI ที่มีความสามารถเฉพาะทาง เชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่งเพียงเท่านั้น ไม่สามารถคิดต่อยอดเองไปยังศาตร์อื่นๆได้ วิธีการเรียนรู้ของ AI ประเภทนี้คือเรียนรู้จากข้อมูลและชุดคำสั่งที่ถูกป้อนเข้าไปในปริมาณมาก มีการ Deep Learning จนสามารถตัดสินใจจากข้อมูลได้อย่างแม่นยำ 

2. AGI (Artificial General Intelligence) เป็น AI ที่มีความฉลาดและความสามารถเหมือนมนุษย์ โดยมีความรู้ในเชิงกว้าง ทั้งความสามารถในการคิดเชิงเหตุผล การคิดซับซ้อน การวางแผนแก้ปัญหา สามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ ทำให้ AI ประเภทนี้พัฒนาตัวเอง ทำทุกอย่างเหมือนที่มนุษย์ทำได้

3. ASI (Artificial Super Intelligence) เป็น AI ระดับอุดมคติ ที่ฉลาดกว่า มีความสามารถเหนือมนุษย์ ซึ่งวลีที่ว่า “AI จะครองโลก” ที่ผู้เชี่ยวชาญต่างหวาดกลัวกันนั้นก็คือ AI ประเภท ASI นี้เอง

ซึ่งปัจจุบันนี้ AI ทุกตัวที่อยู่บนโลก รวมถึง ChatGPT ยังเป็น ANI มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพียงเท่านั้น ยังไม่พัฒนาสู่ขั้นที่สอง หรือ AGI และการมาถึงระดับของ ASI ที่หลายคนต่างจินตนาการว่ามันอาจเป็นภัยทำลายล้างมวลมนุษยชาติเหมือนกับหนังไซไฟ คงยังอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะมาถึง และการที่ AI จะครองโลกก็อาจไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพราะสุดท้ายแล้วผู้สร้าง AI ก็คือมนุษย์ และหลากหลายบริษัทที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกก็ต่างมีการถกเถียงถึงการป้อนจริยธรรม (อย่างกรณีดังกล่าว) และข้อมูลสะอาดให้กับ AI ปราศจากอคติ และคอยควบคุมอย่างสม่ำเสมอไม่ให้ AI มองมนุษย์เป็นภัยคุกคาม 

แต่อย่างไรแล้วเราก็ยังคงต้องจับตาดู AI กันอยู่ดี เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีนับวันยิ่งมีการพัฒนาในอัตราเร่งที่ก้าวเร็วกว่าความสามารถของมนุษย์ แม้จะเป็น AI ที่อยู่ในระดับ ANI แต่ก็อย่าลืมว่า ANI มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในศาสตร์แขนงต่างๆอย่างลึกซึ้ง มี Big Data หรือแหล่งข้อมูลปริมาณมหาศาลที่ถูกป้อนเข้าไป ที่เหนือกว่าการจดจำของสมองมนุษย์ ทำให้ AI มีการประมวลผลได้ดีกว่าแถมยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และยังมีบริษัทที่กำลังซุ่มพัฒนา AI ใหม่ๆที่มีความฉลาดและล้ำหน้าออกมาอีกเรื่อยๆ ตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มาอย่างไม่หยุดยั้ง จึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง และอาจต้องมีความระแวดระวังตัวอยู่บ้าง เพราะนอกจาก AI จะเข้ามา Disrupt อาชีพในตลาด ส่งผลให้เกิดภาวะการว่างงานที่ส่งผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจได้ ในเรื่องของการถูก AI Manipulate ชุดข้อมูลที่ชักจูงให้เราอาจเกิดพฤติกรรมอะไรบางอย่างก็เป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.ค. 2566 เวลา : 21:11:51
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 12:30 pm