เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
"กนง.มีมติขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25% Krungthai COMPASS คาดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้แตะระดับ 2.5%"


กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 สู่ระดับร้อยละ 2.25 ต่อปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี โดยมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเข้าสู่ระดับศักยภาพ แม้ว่าอุปสงค์จากต่างประเทศล่าสุดชะลอลงบ้างแต่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะต่อไปสำหรับอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงและมีแนวโน้มทรงตัวในกรอบเป้าหมาย แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากราคาอาหารที่อาจปรับเพิ่มขึ้นหากปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงกว่าคาด

 
 
Krungthai COMPASS ประเมินว่าวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้จะแตะระดับ 2.5% (Terminal rate) สะท้อนจากมุมมองของ กนง. ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งในปี 2566 และ 2567 และอัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงด้านสูง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของ กนง. ในครั้งถัดไปขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง

กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ร้อยละ 2.25 ต่อปี สูงสุดในรอบ 9 ปี
 
กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 2.00 เป็นร้อยละ 2.25 ต่อปี ในการประชุมครั้งที่ 4/2566 โดยมีสาระสำคัญดังนี้
 
• เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องเข้าสู่ระดับศักยภาพ โดยเศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ขณะที่การส่งออกสินค้าหดตัวในระยะสั้นส่วนหนึ่งจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า และวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โลกยังชะลอตัว แต่คาดว่าจะทยอยปรับดีขึ้นในระยะต่อไปสอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมีมากขึ้นจากภาคการส่งออกสินค้าที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าคาด และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
 
 
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงจากราคาในหมวดพลังงาน มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพ และผลของฐานที่สูงในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีหลังจากปัจจัยชั่วคราวทยอยหมดลง สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงแต่มีแนวโน้มทรงตัวในระดับที่สูงกว่าในอดีต และมีความเสี่ยงด้านสูงจากต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับเพิ่มขึ้นหากปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงกว่าคาด ซึ่งอาจแร่งการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการในบริบทที่เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง
 
 
• มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมาตรการเฉพาะจุดและการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) สำหรับด้านคุณภาพสินเชื่ออาจด้อยลงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า อย่างไรก็ดีธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง
 
 
• ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายลดลงแต่ยังเอื้อต่อการระดมทุนของภาคเอกชนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนปรับสูงขึ้นสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สินเชื่อภาคเอกชนชะลอลงหลังจากที่ขยายตัวต่อเนื่องในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยประเมินว่าส่วนหนึ่งเป็นการปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติ ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์ สรอ. เคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ แนวโน้มเศรษฐกิจจีน และความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทย
 
Implication:
 
• Krungthai COMPASS ประเมินว่าวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้แตะระดับ 2.5% 
โดยคาดว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นสู่ 2.5% ซึ่งคาดว่าจะเป็นระดับสูงสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น (Terminal rate) ในรอบนี้ สะท้อนจากมุมมองของ กนง. ที่ประเมินว่าเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องทั้งในปี 2566 และ 2567 และอัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงกว่า 2% ทำให้มองว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับสูงกว่า 2.25% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นบวก นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากต้นทุนราคาอาหารที่อาจปรับเพิ่มขึ้นหากปรากฎการณ์เอลนีโญรุนแรง และราคาอาหารโลกที่อยู่ในระดับสูงซึ่งมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยอย่างมีนัย อย่างไรก็ตาม การประชุม กนง. ในครั้งหน้าขึ้นอยู่กับทิศทางเศรษฐกิจและความชัดเจนทางการเมือง
 
 
 
ฉมาดนัย มากนวล
ชนม์นิธิศ ไชยสิงห์ทอง
Krungthai COMPASS 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 03 ส.ค. 2566 เวลา : 12:24:59
04-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 4, 2024, 12:11 pm