กอนช. ลงพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี ระดมหน่วยงานซักซ้อมแผนเผชิญเหตุตั้งศูนย์ส่วนหน้าฯ ภาคตะวันออก เป็นพื้นที่สุดท้าย หวังปูพรมสร้างเครือข่ายภาคประชาชน 6 ภูมิภาค ครอบคลุมทั้งประเทศ เตรียมพร้อมรับมือก่อนเกิดสถานการณ์อุทกภัยและระหว่างเกิดเหตุในช่วงฤดูฝนปีนี้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ป้องกันผลกระทบและเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที
นายฐนโรจน์ วรรัฐประเสริฐ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุตั้งศูนย์ส่วนหน้า และสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชน ในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ โรงแรม เดอะ การ์เดน 304 ปราจีนบุรี ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยทหาร เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้
ผอ.ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สทนช. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้เป็นครั้งที่ 6 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ซึ่งการดำเนินการโครงการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุตั้งศูนย์ส่วนหน้า และสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชน เป็นความตั้งใจของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ที่มีความห่วงใยประชาชนในช่วงฤดูฝนปี 2566 ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำหลากและน้ำล้นตลิ่ง จึงได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 อย่างเคร่งครัด โดย กอนช. ได้ตระหนักถึงการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปี 2566 เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา ที่เกิดฝนตกหนักสะสมจนทำให้ในหลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย จึงได้มีการบูรณาการทุกหน่วยงานเพื่อเตรียมการบริหารจัดการน้ำ และได้จัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าภาคกลาง ที่ จ.ชัยนาท ศูนย์ส่วนหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.อุบลราชธานี และศูนย์ส่วนหน้าภาคใต้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากหน่วยงานต่างๆ จึงนำมาสู่การขยายผลทำให้เกิดเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรับมือฤดูฝนในปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2566 ทั้ง 12 มาตรการ โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้จะเป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานในมาตรการที่ 8 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัยและฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ (ตลอดช่วงฤดูฝน) และมาตรการที่ 10 การเสริมสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ระหว่างภาครัฐกับประชาชนในพื้นที่ โดย สทนช. ได้ร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าร่วมการฝึกเตรียมความพร้อม ด้านบุคลากร ทรัพยากร สถานที่ สิ่งอำนวยสะดวกต่างๆ สำหรับพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในช่วงฤดูฝนนี้ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจนเห็นผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อร่วมซักซ้อมการปฏิบัติตามมาตรการให้สามารถติดตาม ประเมิน บริหารจัดการ และคาดการณ์สถานการณ์น้ำ รวมถึงแจ้งเตือน และให้ความช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบอย่างมีความเป็นเอกภาพ ทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งจะเกิดประโยชน์ร่วมกันในการปฏิบัติงาน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เกิดทักษะ และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานของหน่วยงานเครือข่ายด้วย อันนำไปสู่การรับมือก่อนและระหว่างเกิดภัย และรับทราบสถานการณ์น้ำปัจจุบันและแนวโน้มสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง รวมไปถึงการขอความร่วมมือเครือข่ายภาครัฐและภาคประชาชนให้สามารถรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่และการขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
โดยรูปแบบการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุรับมือสถานการณ์อุทกภัยในครั้งนี้ เป็นการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise : TTX) จำลองสถานการณ์เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี มีขั้นตอนการฝึกประกอบด้วย การจำลองการจัดตั้งศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และใช้กลไกการปฏิบัติตามโครงสร้างของศูนย์ส่วนหน้า รวมทั้งการเตรียมความพร้อมทั้งเครื่องจักรเครื่องมือแผนเผชิญเหตุ โดยแบ่งการทำงานเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ส่วนอำนวยการ ส่วนปฏิบัติการ ส่วนสนับสนุน และส่วนประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ มีการสอนใช้งานแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น National Thaiwater เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการแจ้งเหตุการณ์หรือการขอความช่วยเหลือจากประชาชนในพื้นที่ ส่งตรงถึง กอนช. เพื่อบูรณาการหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ การฝึกซ้อมดังกล่าวได้ดำเนินการไปแล้ว 5 ครั้ง ครั้งแรกในพื้นที่ภาคเหนือที่ จ.เชียงราย ครั้งที่ 2 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.ขอนแก่น ครั้งที่ 3 ภาคใต้ที่ จ.เพชรบุรี ครั้งที่ 4 ภาคใต้ตอนล่างที่ จ.ยะลา ครั้งที่ 5 ภาคกลางที่ จ.ลพบุรี และการซ้อมแผนในครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ซึ่งครบทั้ง 6 ภูมิภาค ครอบคลุมทั้งประเทศ
ข่าวเด่น