เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "ลุ้นฟื้นตัวต่อ"



SET เริ่มแสดงสัญญาณเทคนิคที่เป็นบวก จากภาวะ oversold และเงินบาทที่ชะลอการอ่อนค่า ทำให้แรงกดดันด้าน fund flow ไหลออกลดน้อยลง ส่งผลให้คาด SET จะฟื้นตัวได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1530 และ 1543 จุด ตามลำดับ ด้านแนวรับอยู่ที่ 1515 และ 1505 จุด ที่คาดว่ายังเป็นจุดรองรับได้

ประเด็นสำคัญ
 
• นายกฯ ระบุรัฐบาลมีแนวคิดขยายกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบฯ ตาม ม. 28 เป็น 45% จาก 32% ของงบฯ ปี 67 เพื่อหนุนการดูแลปชช. และกระตุ้น ศก. ระยะสั้น และจะกลับไปอัตราเดิมภายในปี 2570 ขณะที่คาดไทยจะได้รับการลงทุนอย่างน้อย 5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.7 แสนลบ. จาก บ. ยักษ์ใหญ่ระดับโลก Tesla Google และ Microsoft
 
• คลังเตรียมเสนอมาตรการเสริมให้เกษตรกรที่ไม่เข้าโครงการพักชำระหนี้ได้รับสิทธิประโยชน์เพื่อจูงให้มีวินัยในการชำระหนี้ ควบคู่ไปกับการลดภาระจำนวนคนที่จะเข้าสู่โครงการพักการชำระหนี้
 
• รัฐบาลเร่งไตรภาคีสรุป 2 แนวทางขึ้นค่าแรง 400 บ. ทั่ว ปท. หรือนำร่องบาง จว. เตรียมเสนอเข้า ครม. ใน พ.ย. มีผลปีใหม่ ขณะที่ ส.อ.ท. ไม่เห็นด้วย ระบุต้องเป็นไปตามกลไกไตรภาคีแต่ละ จว. แนะนำรัฐบาลยุติแทรกแซง กังวลต่างชาติย้ายไปลงทุนเพื่อนบ้าน
 
• พาณิชย์ระบุยอดธุรกิจตั้งใหม่ช่วง 8M66 กว่า 6 หมื่นราย สูงสุดในรอบ 10 ปี รับอานิสงส์ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว
 
• สศก. ระบุเอลนีโญกระทบผลผลิตข้าวลดทั่วโลก ส่งผลให้ราคาปรับขึ้น 20 - 27.7% เป็นโอกาสดีต่อการส่งออกข้าวไทย ด้านพาณิชย์คาด ต.ค. ไข่ไก่ราคาลง รับเทศกาลกินเจ
 
• กรมทางหลวงสรุปผลขายซองร่วมลงทุนที่พักริมทาง M7 มีเอกชน PTT-BTS-GULF-BCP ซื้อเอกสารร่วมประมูล เปิดยื่นข้อเสนอ 22 พ.ย.2566 เริ่มก่อสร้างกลางปี 2567 เปิดบริการบางส่วนปี 2568

กลยุทธ์การลงทุน

แม้ตั้งแต่เข้าสู่เดือน ก.ย. SET อยู่ในทิศทางขาลง เนื่องจากตลาดกังวลการก่อหนี้และความไม่ชัดเจนในนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล อีกทั้งเงินบาทยังอ่อนค่าและ Fund Flow ไหลออก แต่อย่างไรก็ดี มองตลาดกำลังก้าวสู่สัปดาห์สุดท้ายของ ก.ย. (สิ้นสุด 3Q66) ซึ่งคาดจะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นใน ต.ค. จากคาดหวังมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายภาครัฐและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” 

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : มองตลาดก้าวสู่สัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย. (สิ้นสุด 3Q66) ซึ่งคาดจะเป็นจุดต่ำสุด และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นใน ต.ค. จึงมองเป็น “โอกาสซื้อลงทุน” ในธีมที่มีปัจจัยเฉพาะตัว ดังนี้ 

1) หุ้นเก็งกำไร โดยคาดราคาหุ้นจะรีบาวน์ได้หลังปรับลงแรงกว่า SET และ Valuation ไม่แพง (PER และ PBV 23F ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เลือก CPALL HMPRO CPN OSP BDMS MINT 

2) หุ้นเก็งกำไรในธีมปิโตรดอลลาร์ โดยได้อานิสงส์จากกำลังซื้อของตลาดตะวันออกกลางดีขึ้นตามราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น 10%QoQ ใน 3Q66 เลือก BH (ผู้ป่วยตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น) PTTEP (ราคาน้ำมันขึ้น) BCP (ราคาน้ำมันและกำไรสต็อกดีขึ้น) 

3) หุ้นซื้อลงทุน โดยคาดผลการดำเนินงาน 3Q66 จะมีเติบโตดี และยังมีโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องใน 4Q66 เลือก BCH HANA KCE AOT ERW
 
ขณะที่ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (GLOBAL) กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG มีต้นทุนน้ำตาลสูง) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT)

DAILY FOCUS

AOT 4QFY66-1QFY67 กำไรมีแนวโน้มเติบโตดีจากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของภาคท่องเที่ยวไทย อีกทั้งล่าสุดรัฐบาลมีแผนออกมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวไทยซึ่งจะหนุนให้กำไรแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นไม่มากและยังตามหลังหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มท่องเที่ยว  

HANA 2H66 คาดผลการดำเนินงานจะปรับขึ้น HoH ตามการฟื้นตัวของผลิตภัณฑ์ IC หลังเป็น High season จากแนวโน้มออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของลูกค้า Smartphone รวมถึงลูกค้า RFID ที่มีการ implement ใช้แทน Barcode สำหรับธุรกิจค้าปลีก
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ก.ย. 2566 เวลา : 10:11:35
07-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 7, 2024, 7:48 pm