การค้า-อุตสาหกรรม
'กรมเจรจาฯ' ดันสินค้าดาวเด่นจังหวัดพะเยา เร่งใช้ประโยชน์ FTA รุกตลาดการค้าเสรี


กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดพะเยา นำทัพกูรูด้านการตลาดและหน่วยงานพันธมิตร จัดสัมมนาและพบปะหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ ดันสินค้าของดีในพื้นที่ ทั้งกาแฟ ลิ้นจี่ ข้าว เครื่องจักสานผักตบชวา และโกโก้ ใช้ประโยชน์จาก FTA เน้นผลิตสินค้า BCG ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ รุกตลาดการค้าเสรี พร้อมจัดเวทีวิเคราะห์สินค้า และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า

 
นางสาวบุณิกา แจ่มใส รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล) ให้นำทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตลาดและหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัด และสำนักพาณิชย์จังหวัด ลงพื้นที่จังหวัดพะเยา เมื่อวันที่ 28-30 พฤศจิกายน 2566 ภายใต้ดำเนินโครงการ “การเพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” (ร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ) เพื่อจัดสัมมนาและพบปะหารือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องสถานการณ์การค้าสินค้าของดีในพื้นที่ ทั้งกาแฟ ลิ้นจี่ ข้าว ผลิตภัณฑ์เครื่องจักสาน ผักตบชวา และโกโก้ และสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ขยายการส่งออก โดยปัจจุบันไทยมี FTA 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ซึ่งประเทศคู่ค้าได้ยกเว้นภาษีนำเข้ากับสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว นอกจากนี้ ยังจัดเวทีวิเคราะห์สินค้าและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า ซึ่งทำให้เกิดการจับคู่ธุรกิจภายในงานอีกด้วย

 
 
 
นางสาวบุณิกา กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ กรมได้จัดสัมมนาและพบปะหารือกับกลุ่มเป้าหมาย ภายในอำเภอแม่ใจ ได้แก่ 1) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟบ้านปางปูเลาะ บ้านผาแดง และบ้านผาเมี่ยง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟสายพันธุ์ อะราบิก้า 2) วิสาหกิจชุมชนอนุรักษ์ผลิตลิ้นจี่คุณภาพห้วยป่ากล้วย ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าลิ้นจี่ GI 3) วิสาหกิจชุมชนเกษตรผสมผสานสู่การแปรรูปเชิงนวัตกรรม หรือข้าวน้ำจำ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพมากที่สุดในจังหวัด 4) วิสาหกิจชุมชนกลุ่มหัตถกรรมผักตบชวาวาด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้ากระเป๋าผักตบชวาผสมผ้าทอส่งออกไปตลาดญี่ปุ่น และ 5) ห้างหุ้นส่วนจำกัด พงศ์ธยศ ซึ่งเป็นผู้ผลิตโกโก้แปรรูปและส่งออกเมล็ดโกโก้ไปตลาดรัสเซีย

 
 
ทั้งนี้ กรมได้ให้คำแนะนำเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายการส่งออก การสร้างความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม โดยเฉพาะกาแฟและโกโก้ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ การหาจุดเด่นของสินค้าเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิต ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ให้ความสำคัญกับตลาดพรีเมี่ยม การเพิ่มมูลค่าสินค้า และการผลิตสินค้า BCG ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ และสอดรับกับเมกกะเทรนด์ ซึ่งช่วยให้สินค้ามีตลาดรองรับที่แน่นอน และบรรลุนโยบาย “ทำน้อยได้มาก” ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจังหวัดพะเยา ถือว่ามีสินค้าของดีที่มีศักยภาพและพร้อมออกสู่ตลาดต่างประเทศ

 
 
สำหรับในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2566) ไทยส่งออกเมล็ดกาแฟดิบ เมล็ดกาแฟคั่ว และผลิตภัณฑ์กาแฟ ไปประเทศคู่ FTA มีมูลค่า 64.30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ประกอบการมีการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ในการส่งออกกาแฟ ภายใต้กรอบอาเซียนมากที่สุด มูลค่า 46.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมา คือ อาเซียน-จีน และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 10 ธ.ค. 2566 เวลา : 20:02:38
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 5:56 am