เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "การฟื้นตัวยังถูกจำกัด"


SET ยังอยู่ในช่วงพักตัว โดยเมื่อวานปิดหลุดต่ำกว่า 1420 จุด สร้างสัญญาณลบทางเทคนิคต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1410 และ 1400 จุด ตามลำดับ ด้านการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐ คาดเป็น sentiment บวกได้เพียงช่วงสั้น โดยมองกรอบบนถูกจำกัดที่แนวต้าน 1426 และ 1436 จุด ตามลำดับ

ประเด็นสำคัญ

• ก. คลังยืนยันแจกเงินดิจิทัล 1 พ.ค.นี้ หลังกฤษฎีการะบุรัฐบาลมีอำนาจออกเงินกู้ แต่ให้ทำภายใต้มาตรา 53 และ 57 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง รับฟังความเห็นทุกภาคส่วน เตรียมรายงาน ครม. 9 ม.ค. และประชุมบอร์ดเงินดิจิทัลภายใน 1 สัปดาห์

• เงินบาทอ่อนค่ามากสุดในภูมิภาคกว่า 1.3% หลังรัฐบาลกดดัน ธปท. เหตุขึ้น ดบ. สวนทางเงินเฟ้อที่ติดลบ ด้านตลาดเงินตีความ กนง. เตรียมลด ดบ. ปีนี้ลง 0.5% มองระยะสั้นเงินบาทยังอ่อนค่าต่อเนื่อง ด้าน ก. คลังระบุ ดบ. ขึ้นเร็วจนเงินเฟ้อติดลบ

• สรท. คาดการส่งออกปี 67 ขยายตัว 2%YoY จากปี 66 คาดติดลบ 1%YoY หนุนจากส่งออกไปตลาดหลักและตลาดใหม่ดีขึ้น

• ดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 2.2%DoD หนุนจาก Bond Yield 10 ปีสหรัฐร่วงลงแตะ 3.966% โดยหุ้นอะเมซอน +2.6% อัลฟาเบท +2.3% เมตา +1.9% เน็ตฟลิกซ์ +2.3% ขณะที่แอปเปิ้ล +2.4% หลังประกาศจะวางจำหน่าย Apple Vision Pro ในสหรัฐตั้งแต่ 2 ก.พ. นี้

• ซาอุดีอารามโคปรับลดราคาน้ำมันดิบที่จำหน่ายให้แก่ตลาดเอเชียและส่งมอบ ก.พ. ลงต่ำสุดในรอบ 27 เดือน ขณะที่ OPEC ผลิตน้ำมัน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 70,000 บาร์เรล/วัน กดดันให้ราคาน้ำมันดิบ WTI และ Brent ลดลง 4.1%DoD และ 3.4%DoD ตามลำดับ

• PBOC อาจลดจำนวนเงินที่ธนาคารต้องกันไว้เป็นทุนสำรองเพื่อกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ แม้ว่าธนาคารกลางจะจัดหาสภาพคล่องจำนวนมหาศาลผ่านเครื่องมืออื่นๆ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยมีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อได้ แต่ยังอยู่ภายใต้ Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยภายนอกยังมีความผันผวน และอยู่ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้นมอง SET มีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อได้ แต่ยังอยู่ภายใต้ Upside จำกัด เนื่องจากปัจจัยภายนอกยังมีความผันผวน และอยู่ระหว่างรอปัจจัยชี้นำใหม่ๆ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีโอกาสได้รับผลบวก ดังนี้

1) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จาก January Effect ซึ่งพบว่าในปี 2544-2566 มีโอกาสที่ SET จะปรับขึ้น 69.23% และให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 1.37% ทั้งนี้เลือก AOT KTB KBANK DIF ซึ่งจากข้อมูลย้อนหลังพบว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยชนะ SET

2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ปรับลดลง ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์ (CPALL CPAXT), การแพทย์ (BDMS), โรงไฟฟ้า (GULF), อสังหาฯ (AP) และ Consumer Finance (TIDLOR)

3) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ Easy e-Receipt ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 5 หมื่นบาท เริ่มในวันที่ 1 ม.ค. – 15 ก.พ. 2567 ได้แก่ CRC HMPRO ZEN MINT ADVANC

ระยะกลางแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญที่จะกระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตรลดลง  ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อ (MTC SAWAD) กลุ่มยานยนต์ (SAT STANLY) กลุ่มเครื่องดื่ม (CBG จากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น) รวมถึงกลุ่มเกษตรและอาหาร (CPF GFPT BTG)

DAILY TOP PICKS

GPSC ช่วงสั้นได้ sentiment หนุนจาก Bond Yield ลดลง และราคาก๊าซที่อยู่ในระดับต่ำจากฤดูหนาวที่อบอุ่นกว่าปกติ ขณะที่อยู่ระหว่างปรับสัญญาขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมเป็นอ้างอิงราคาก๊าซฯ เพิ่มขึ้น ช่วยลดความผันผวนของผลประกอบการจากค่า Ft ที่ไม่สอดคล้องกับต้นทุน

KCE ผลการดำเนินงานเริ่มฟื้นตัว คาด 4Q66 กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 25.8%QoQ และ 16.8%YoY จากอุปสงค์การ Restocking ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ โดยเฉพาะ HDI ที่มี Backlog ที่ค่อนข้างมาก ขณะที่ต้นทุนราคาทองแดงยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งค่าไฟฟ้าคาดจะลดลง
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ม.ค. 2567 เวลา : 12:08:11
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 3:20 pm