การค้า-อุตสาหกรรม
'กรมเจรจาฯ' เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเจรจา FTA ไทย-อียู รอบ 2 ที่กรุงเทพฯ


กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค. 2567 ณ กรุงเทพฯ เดินหน้าประชุมระดับหัวหน้าคณะผู้แทน และการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ วางแผนถกรายละเอียดแต่ละประเด็น แลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติม และสร้างความเข้าใจเพิ่มขึ้น

 
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำ FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-26 มกราคม 2567 ณ กรุงเทพฯ โดยในระดับหัวหน้าคณะผู้แทน ตนจะเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย และนายคริสตอฟ คีแนร์ (Mr. Christophe Kiener) เป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายอียู และจะมีการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ 19 คณะ โดยทีมเจรจาฝ่ายไทยจะประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม

นางสาวโชติมา กล่าวว่า สำหรับการประชุมกลุ่มย่อยระดับผู้เชี่ยวชาญ จะครอบคลุมประเด็นต่างๆ ได้แก่ (1) การค้าสินค้า (2) กฎถิ่นกำเนิดสินค้า (3) พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า (4) มาตรการเยียวยาทางการค้า (5) มาตรการสุขอนามัยพืชและสุขอนามัยสัตว์ (6) อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (7) การค้าบริการและการลงทุน (8) การค้าดิจิทัล (9) ทรัพย์สินทางปัญญา (10) การแข่งขันและการอุดหนุน (11) การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ (12) การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน (13) วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (14) รัฐวิสาหกิจ (15) พลังงานและวัตถุดิบ (16) ระบบอาหารที่ยั่งยืน (17) ความโปร่งใสและหลักปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ (18) การระงับข้อพิพาท และ (19) บทบัญญัติเบื้องต้น บทบัญญัติทั่วไป บทบัญญัติสุดท้าย บทบัญญัติเกี่ยวกับสถาบัน และข้อยกเว้น

สำหรับผลการเจรจาฯ รอบที่ 1 เมื่อเดือนกันยายน 2566 ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ในภาพรวมเป็นไปด้วยดี ไทยและอียูได้หารือแลกเปลี่ยนข้อเสนอร่างความตกลงและทำความเข้าใจกับนโยบายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของแต่ละฝ่าย รวมถึงวางแผนการทำงานในรอบต่อๆ ไป ทั้งนี้ สำหรับการเจรจาฯ ในรอบที่ 2 ทั้งสองฝ่ายจะร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มเติม สร้างความเข้าใจเพิ่มขึ้น และจะหารือลงไปในรายละเอียดของแต่ละประเด็น

ทั้งนี้ ในปี 2565 อียูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย รองจากจีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น การค้าระหว่างไทยกับอียูมีมูลค่า 40,994.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 22,797.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,197.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในปี 2566 (ม.ค.-พ.ย.) การค้าระหว่างไทยกับอียูมีมูลค่ารวม 38,547.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอียู มูลค่า 20,098.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอียู มูลค่า 18,449.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และเครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 ม.ค. 2567 เวลา : 12:21:04
02-05-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ May 2, 2024, 6:47 pm