การศึกษา-สิ่งแวดล้อม-สาธารณสุข
สทนช. กำชับ กรมชลฯ เพิ่มการระบายน้ำผลักดันน้ำเค็มรุกสถานีสูบน้ำสำแล ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำประปาให้ชาว กทม.



 
สทนช. บูรณาการร่วมกับกรมชลฯ และ กปน. ติดตามควบคุมคุณภาพน้ำสำหรับผลิตประปาในเขตกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิด หลังคาดการณ์ 18 ก.พ. นี้ จะเกิดน้ำทะเลหนุนสูงกระทบสถานีสูบน้ำดิบสำแล พร้อมเตรียมหารือ กฟผ. ทยอยระบายน้ำจาก เขื่อนอุบลรัตน์ เตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่ฤดูฝน สอดคล้องความต้องการใช้น้ำประชาชนในช่วงนี้โดยไม่กระทบพื้นที่ท้ายน้ำ

 
วันนี้ (14 ก.พ. 67) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อมด้วยหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น เข้าร่วมการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยนายไพฑูรย์ เปิดเผยผลการประชุมว่า สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามสถานการณ์น้ำเค็มจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูงอย่างใกล้ชิด โดยคาดการณ์ว่าจะเกิดน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้งในช่วงวันที่ 18 ก.พ. นี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำบริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นแหล่งต้นทางการผลิตน้ำประปาในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร สทนช. จึงได้บูรณาการร่วมกับ กรมชลประทานในการปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากพื้นที่ตอนบนเข้าช่วยผลักดันน้ำเค็มตั้งแต่วันนี้ ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวจะ ไหลเข้าสู่บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล ในช่วงวันที่ 17 ก.พ. 67 เพื่อเป็นการเตรียมรองรับสถานการณ์ล่วงหน้า โดยจะช่วยให้สถานี สูบน้ำดิบสำแลมีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตราประมาณ 90 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที สามารถช่วยรักษาคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตน้ำประปา พร้อมกันนี้ สทนช. ได้มอบหมายให้การประปานครหลวงกับกรมชลประทานเตรียมพร้อมปฏิบัติการ Water Hammer Operation เพื่อช่วยผลักดันลิ่มความเค็มด้วย
 

 
นอกจากนี้ ภาวะน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงฤดูแล้ง ยังส่งผลให้บางพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด เช่น เกษตรกรในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งอยู่บริเวณปากแม่น้ำท่าจีนที่ประสบปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ ได้มีการเร่งช่วยเหลือโดยลำเลียงน้ำจาก แม่น้ำท่าจีนตอนบน และแม่น้ำแม่กลอง ผ่านคลองท่าสาร-บางปลาและคลองจรเข้สามพัน รวมถึงจัดรถบรรทุกน้ำเข้าช่วยเหลือ โดยปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำเค็มเพื่อติดตามควบคุมคุณภาพน้ำและเร่งป้องกันและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง

 
“ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในสถานการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้มีสภาพอากาศร้อนและมีปริมาณฝนไม่มากนัก จึงต้องมี การควบคุมการใช้น้ำให้เป็นไปตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการใช้น้ำเพื่อการเกษตร ที่ปัจจุบันมีการเพาะปลูกนาปรัง ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเกินกว่าแผน ซึ่งหากเกษตรกรเก็บเกี่ยวนาปรังแล้วเสร็จในช่วงประมาณกลางเดือน มี.ค. นี้ จำเป็นจะต้องมีการ ปรับลดและงดใช้น้ำ เพื่อสงวนปริมาณน้ำไว้สำหรับการอุปโภค บริโภค รวมถึงเพื่อเป็นการบำรุงรักษาและซ่อมแซม เพิ่มประสิทธิภาพ การใช้งานอาคารชลประทานด้วย โดย สทนช. ได้ขอความร่วมมือกับจังหวัดและกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่เกษตรกรแล้ว” รองเลขาธิการ สทนช. กล่าว

นายไพฑูรย์ เปิดเผยต่อว่า สำหรับการคาดการณ์สภาพอากาศของประเทศไทยที่กรมอุตุนิยมวิทยา และ สสน. ได้ประเมินว่ามีโอกาสที่สภาวะลานีญาจะพัฒนาตัวขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. - ส.ค. นี้ จึงคาดว่าในปีนี้ประเทศไทยจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการเตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ำล่วงหน้า อาทิ การทยอยระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งจะเป็นการระบายน้ำผ่านลำน้ำชีที่ยังมีความสามารถในการรองรับน้ำ ลงสู่แม่น้ำโขง จ.อุบลราชธานี ในอัตราที่เหมาะสมโดยไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ และสอดคล้องกับความต้องการใช้น้ำของประชาชนในช่วงเวลานี้ โดย สทนช. จะหารือร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยอย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโอกาสการเกิดฝนของประเทศไทยขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย ทั้งสภาพภูมิประเทศ ร่องความกดอากาศ พายุฯลฯ และเนื่องด้วยมีความผันผวนแปรปรวนของสภาพอากาศสูง จึงยังคงต้องควบคุมการใช้น้ำอย่างเคร่งครัด เพื่อสำรองปริมาณน้ำไว้สำหรับฤดูแล้งปี 2567/2568

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ก.พ. 2567 เวลา : 18:25:31
29-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 29, 2024, 11:40 pm