เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์วิเคราะห์ "เคลื่อนไหวในกรอบ"


 

คาด SET เคลื่อนไหวในกรอบ โดยความไม่แน่นอนเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้การฟื้นตัวถูกจำกัดบริเวณกรอบบนที่แนวต้าน 1392 และ 1396 จุด ตามลำดับ ขณะที่ภาวะ oversold ในภาพระยะสั้น ทำให้กรอบล่างมีแนวรับ 1377 จุด เป็นจุดรองรับ แต่หากต่ำกว่า จะเป็นสัญญาณลบต่อ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1370 จุด

ประเด็นสำคัญ

• Michael Barr รอง ปธ. Fed ด้านการกำกับดูแล ระบุเงินเฟ้อ ม.ค. ที่สูงเกินคาด แสดงให้เห็นว่าการกลับไปสู่เงินเฟ้อ 2% อาจเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนและ Fed จำเป็นต้องดูข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเริ่มลด ดบ.

• EIA รายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 12 ล้านบาร์เรล มากกว่าตลาดคาด ขณะที่ ปธ. คกก. ฝ่ายข่าวกรองสภาคองเกรสเตือนสหรัฐมีความเสี่ยงเผชิญภัยคุกคามด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย

• อังกฤษรายงานดัชนี CPI ทั่วไป ม.ค. ทรงตัวที่ 4%YoY จากการชะลอตัวของราคาเฟอร์นิเจอร์และสินค้าในครัวเรือน อาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์

• รมช. คลังของญี่ปุ่นเตรียมใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อตลาดปริวรรตเงินตรา หากรัฐบาลญี่ปุ่นเห็นว่าเงินเยนอ่อนค่าลงรวดเร็วเกินไปจนส่งผลกระทบต่อ ศก. ญี่ปุ่นซึ่งต้องพึ่งพาการค้า

• วันนี้จับตานายกฯ ประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต หารือวาระลับแหล่งเงินกู้ 5 แสนลบ. รวมทั้งหารือข้อกฎหมายที่กฤษฎีกาให้ความเห็น ก่อนออก พ.ร.บ.ให้อำนาจ ก. คลังกู้เงิน พร้อมรับทราบข้อเสนอ ป.ป.ช. ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการ - พัฒนาระบบ

• นายกฯ เตรียมเจรจากัมพูชาหาข้อสรุป พัฒนาแหล่งปิโตรเลียม 20 ล้าน ลบ. ร่วมกัน ศึกษาตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เตรียมหารือความร่วมมือฝรั่งเศสและอียู ด้านปลัดพลังงานระบุการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา หากสำเร็จจะช่วยให้ค่าไฟในระยะยาวลงมาเหลือ 3 บ.ได้ พร้อมเพิ่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใน PDP ฉบับปรับปรุง

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ และอยู่ระหว่างรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ. ไทยที่จะทยอยออกมา นอกจากนั้นความเสี่ยงเงินเฟ้อของสหรัฐอาจลดลงน้อยกว่าคาด ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด”

ล็อคเป้าลงทุน

Weekly Portfolio : ช่วงสั้น SET แกว่งตัวในกรอบจำกัด หลังขาดปัจจัยหนุนและรอดูผลประกอบการ 4Q66 ของ บจ.ไทย กลยุทธ์ลงทุนจึงคงเน้น “ตั้งรับ สะสมหุ้นพื้นฐานรอการฟื้นตัวของตลาด” ใน 3 ธีมหลัก ดังนี้

1) นักลงทุนที่กังวลตลาดผันผวนเชิงลบแนะนำลงทุนในหุ้นตั้งรับซึ่งคาดจะสามารถชนะตลาดได้ โดยมี Beta ต่ำกว่า 1, ราคาหุ้นปรับตัว YTD ดีกว่า SET เลือก ADVANC AOT BDMS TISCO

2) นักลงทุนระยะสั้น (3-4 เดือน) ที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีในเทศกาลจ่ายเงินปันผลและขึ้น XD ในช่วง มี.ค.–พ.ค. นี้ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 66 (หลังหักจ่ายระหว่างกาลแล้ว) เกิน 5% เลือก AP BCP KTB ขณะที่นักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลคุณภาพดีเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีต่อเนื่อง โดยคาดให้ Div. Yield ปี 67 เกิน 5% เลือก AH AP BCP KTB PTT TTB

3) นักลงทุนระยะยาวแนะนำลงทุนสะสมแบบ DCA เนื่องจากมองเป็นจังหวะที่ดีที่สุด หลัง SET ปรับลงแรงจนความเสี่ยงลดลงไปมาก และราคาหุ้นอยู่ในระดับ Undervalue มาก โดยเลือก BBL BDMS BEM CPALL PTT และ SCC ซึ่งเป็นหุ้น SET100 ซึ่งเป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม และมี ESG Ratings ระดับ AAA/AA, Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 10 ปี และผลการดำเนินงานยังแข็งแกร่ง

ระยะสั้นแนะนำระมัดระวังหุ้นที่คาดผลประกอบการ 4Q66 อาจอ่อนแอกว่าตลาดคาด ได้แก่ BJC HMPRO ZEN CPF BTG AU AWC SIRI

DAILY TOP PICKS

CPAXT ราคาหุ้นมีโอกาส outperform SET หลังกำไร 4Q66 โตดีกว่าคาดจากมาร์จิ้นธุรกิจ B2C ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมโตเด่นที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ในปี 2567TD คาดแผนปรับโครงสร้างธุรกิจจะส่งผลบวกต่อกำไรในปี 2568 จากการผนึกกำลังทางธุรกิจ แนะนำซื้อเก็งกำไรไม่เกิน 30.50 บ.

BBL ราคาหุ้นปรับลง 9%YTD สะท้อนโอกาสลด ดบ. นโยบายแล้ว คาดกำไรปี 2567 เติบโต 7.6%YoY แรงหนุนจาก credit cost ปรับลง การเติบโตของสินเชื่อ (หนุนจาก FDI ที่ไหลเข้ามาในอาเซียนมากขึ้น) และรายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นตัว ขณะที่ valuation ยังถูกและ ROE มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 15 ก.พ. 2567 เวลา : 12:14:11
30-04-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ April 30, 2024, 5:30 am